“รถติดหนักเลยใช่ไหมครับ”

กองบก. Rhythm ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเป็นคำตอบ หลังยูฟ่า ฮาริ (Uefa Hari) ถามเราด้วยความเห็นใจ เพราะกว่าจะผ่าการจราจรของอโศก จนมาถึงตึกแกรมมี่ได้ก็ใช้เวลานานเอาเรื่องเหมือนกัน

วันนี้เรามาพูดคุยกับ ยูฟ่า ฮาริ (Uefa Hari) หรือ ยูฟ่า-ภควัต หริกุล ศิลปินเดี่ยวจาก genie records ที่สร้างผลงานเพลงสไตล์สบายๆ และน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ จนเหล่าแฟนเพลงมักตั้งตารอผลงานเพลงใหม่ๆ ของเขาเสมอ ซึ่งล่าสุดเขาได้ออกเพลงใหม่อย่าง “อยู่ตรงนั้น” 

คอลัมน์ดนตรีนั้นคือชีวิตจึงอยากจับเข่าคุยกับยูฟ่าถึงเบื้องหลังการทำเพลงอยู่ตรงนั้น จนไปถึงเรื่องตัวตน แพสชันและความรักในเสียงดนตรีของหนุ่มซื่อๆ ที่ส่งเสียงเพลงให้คนมาตกหลุมรักแบบนับไม่ถ้วน

คำถามยอดฮิต ทำไมถึงชื่อว่า “ยูฟ่า ฮาริ”

จริงๆ ยูฟ่าคือชื่อเล่นของผม ส่วน ฮาริ มาจาก “หริกุล” นามสกุลของผมเองครับ ชื่อนี้ได้มาตอนที่ผมส่งเดโม่เพลงไปที่โครงการแต่งเพลง GOODHOPE (สานฝันน้องด้วยประสบการณ์ของพี่) ตอนนั้นผมอายุประมาณ 20 พอดี เป็นช่วงที่เพื่อนผมอกหัก จีบสาวไม่ติด ผมก็เลยเขียนเพลงหนึ่งขึ้นมาเพื่อแค่อยากลองเล่นให้เพื่อนฟัง เพื่อนสนิทผมก็เลยเสนอมาว่า เขาไปเจอโครงการอัดเพลงโครงการหนึ่งมา ยูฟ่าลองส่งเดโม่เพลงนี้เข้าไปดูไหม ผมก็เลยลองส่งไป

 จากนั้นก็ได้เข้ามาคุยกับพี่ๆ ทีมงานของโครงการนี้ ซึ่งพี่ๆ ก็คอมเมนต์ว่าเพลงเราโอเคนะ ตอนนั้นก็ดีใจน้ำตาไหลแล้ว แต่หลังจากนั้นพี่ๆ เขาก็เลือกเพลงเราไปทำต่อด้วย ซึ่งทางพี่อ๊อฟ BIGASS เขาก็ได้เสนอโปรเจกต์ที่ชื่อว่า Genie the folder โดยให้คนติดต่อมาหาผมด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทางโปรเจกต์มีเบอร์เราได้ยังไง ตอนที่เขาติดต่อมาถามว่าสนใจเข้าร่วมโปรเจกต์นี้ไหม เราก็ตอบแบบไม่คิดเลยว่าทำครับพี่ หลังจากนั้นก็เลยได้เริ่มเข้ามาทำเพลงกับที่ genie records 

ยูฟ่าอยู่กับเสียงดนตรีมาตั้งแต่ตอนไหน

พ่อแม่ชอบเปิดเพลงให้เราฟังระหว่างนั่งรถกันมาตั้งแต่ 7-8 ขวบแล้ว เพลงลูกทุ่งบ้าง ลูกกรุงบ้าง แต่มารู้ตัวว่าชอบดนตรีคือช่วง ม. 2-3 จริงๆ ตอนนั้นเรายังไม่ได้เริ่มร้องเพลงนะ เราแค่เล่นกีตาร์เฉยๆ น้องสาวของเราเป็นคนร้องเพลง แต่ช่วงขึ้นมหาลัยเราก็แยกกัน

จริงๆ ตอนที่รู้ตัวว่าชอบดนตรีเราก็อยากไปเรียนสายดนตรีนะ แต่ตอนนั้นผู้ใหญ่ที่บ้านเขาก็จะมีความคิดอีกแบบ เราเองก็ไม่ได้ดื้อด้วยเพราะเข้าใจมากๆ ว่าผู้ใหญ่หวังดีกับเราเสมอ เราเลยคิดเอาไว้ว่า ถ้าเราไปเรียนสายนั้น ยังไงก็คงให้ดนตรีเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของเราด้วย ซึ่งพอเข้ามหาวิทยาลัยและเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เราก็ยังเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ตามปกติเลย มีแต่งเพลงของตัวเองเรื่อยๆ ระหว่างนั้นด้วย

ยูฟ่านิยามเพลงของตัวเองว่าเป็นสไตล์ไหน

คงนิยามว่าเราเป็นดนตรีแบบ Easy Listening  เพลงแรกที่เราปล่อยกับทางค่ายอาจจะไม่ใช่คอนเซ็ปต์นี้ เพราะตอนนั้นเรายังเด็ก อาจจะยังมีความไม่ชัดเจน แต่ในตอนที่เราโตขึ้น และเริ่มมีความชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น มันก็เลยส่งผลกับเรื่องสไตล์ของดนตรีที่มันใกล้เคียงกับความเป็นเรามากขึ้นด้วย  

อย่างการทำงานกับพี่ๆ Mango Team ที่พี่ๆ เขาสอนเราหลายอย่าง ตั้งแต่การตั้งถามกับตัวเอง สอนให้เราคิดแม้กระทั่งการถามตัวเองว่า ตัวเราเองเป็นสีอะไร? สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้น จนเรามั่นใจและนิยามความเป็นตัวเองได้ว่า เรากำลังสร้างผลงานที่เป็น Easy Listening ฟังง่ายๆ สบายๆ ครับ

อยากให้ยูฟ่าเล่าถึงผลงานเพลงที่ผ่านมาให้ฟังหน่อย

เพราะเวลาที่ฉันรักใคร

เป็นเพลงแรกของเราที่ทำเพลงด้วยความใสใส เรายังไม่ได้มีความรู้อะไร ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง รู้แค่ว่าเรากำลังจะได้ไปอัดเพลง ได้เขียนเนื้อเขียนทำนอง ช่วงที่ทำเดโม่ ผมก็อัดเสียงร้องกับเสียงกีตาร์โปร่งในโทรศัพท์ แล้วผมก็ส่งเสียงไปให้พี่อ๊อฟ บางทีก็วันละเพลง บางครั้งก็สองวันหนึ่งเพลง เราส่งไปในแชทไลน์พี่อ๊อฟเลย เพราะพี่อ๊อฟมักบอกว่ามีอะไรให้ส่งไปให้ได้เลย แล้วเขาจะช่วยบอกว่าเพลงนี้เป็นยังไง เพลงนี้จะลุยหรือไม่ลุย ถ้าลุยก็จะส่งเพลงนี้ไปให้ทีมทำเพลง ซึ่งเราไม่เคยคุยกับทีมทำเพลงเลย ซึ่งทีมที่เค้าเขียนดนตรีเขาก็จะคิดเพลงมาให้ และสุดท้ายแล้เขาก็จะส่งเพลงมาแล้วถามว่าเราชอบไหม ตอนนั้นผมก็ชอบนะ มันดีเลย จากนั้นเลยได้เข้าไปอัดเพลง ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าการอัดเพลงคือการที่เราร้องเพลงอย่างเดียว มันตื่นเต้น สนุกจนลืมเวลา เหมือนได้อยู่โลกที่เหมือนฝันเลย  

ฉันควรจะนอน

เพลงนี้กระบวนการการทำเพลงก็คล้ายกับเพลงแรก ซึ่งเพลง “ฉันควรจะนอน” มีความต่างออกนิดหนึ่งคือ เพลงนี้ออกมาช่วงโควิด-19 พอดี ทำให้การจะถ่าย MV ก็ไม่ได้ง่าย เพราะการออกกองถูกจำกัดให้ออกกองครั้งละ 3-4 คน ซึ่งความพิเศษคือ MV เพลงนี้เราได้วิดีโอของพี่ฟ้า-ษริกา มาตัดแปะใส่ลงไปด้วย เป็นพี่ฟ้าที่ถ่ายคลิปวิดีโอมาให้ทางทีมงานเอาไปทำต่ออีกที เพลงนี้ก็เลยจะมีความพิเศษที่การทำ MV หน่อยครับ

รำคาญฉันไหม 

เพลงนี้เราได้เข้าไปพูดคุยและออกความเห็นในส่วนของ MV มากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเรามักทำได้แค่ฟังไอเดียจากพี่ๆ เพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้อะไรหลายๆ อย่าง แต่พอมาเพลงที่สามนี้เราก็ได้เรียนรู้ และได้เห็นอะไรมากขึ้นจนมีส่วนร่วมได้มากขึ้นด้วย 

ลืมว่าเธอเคยรัก

เพลงที่สี่นี้เป็นเพลงที่ได้ทำกับ ‘พี่อู๋ The Yers’ เพลงนี้เป็นการทำงานระยะไกล เพราะตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่บึงกาฬ เราก็ทำงานด้วยการวิดีโอคอล และมากรุงเทพฯ อีกทีวันอัดเลย สิ่งที่ต่างออกไปในเพลงนี้ คือเราได้อัดกีตาร์โปร่งเองครั้งแรกตั้งแต่ปล่อยเพลงกับค่ายมาเลย และอีกอย่างที่ได้เรียนรู้คือ พี่อู๋ทำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้วเราไม่ต้องเก่งขนาดนั้นก็ทำเพลงออกมาดีได้นะ เพลงบางเพลงหรือบางสิ่งมันไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้ พี่อู๋ทำให้ผมได้เข้าใจว่า สิ่งที่ไม่เพอร์เฟ็กนี่แหละมันเพอร์เฟ็กดีอยู่แล้ว ในเพลงนี้ผมก็ได้เรียนรู้หลายอย่างเลยครับ 

อยู่ตรงนั้น

เพลงล่าสุดของเราที่ได้มาทำงานกับพี่กบ BIG ASS เพลงนี้เราก็เตรียมเมโลดี้ไปเอง ปกติในสี่เพลงแรก เราจะเป็นคนแต่งเพลง เขียนเนื้อ และทำนองไปพร้อมกันเลย เช่นว่าผมอยากร้องเพลงสักเพลง เราเขียนเนื้อกับโน้ตพร้อมกันไป แต่เพลงล่าสุดผมเนื้อเอาไว้ก่อน แล้วก็ค่อยฮัมเพลงมาเป็นเมโลดี้ ซึ่งผมส่งเดโม่ไปวันแรก8เพลง วันที่2ทำไป6เพลง วันที่3อีก8เพลง รวมๆ แล้วก็22เพลง สุดท้ายเราก็มาประชุมกันว่าชอบเป็นเพลงนี้มากที่สุด

เพลงนี้ตอนแรกมันไม่ได้ชื่อเพลงอยู่ตรงนั้น เราตั้งชื่อเมโลดี้ให้มันว่า stop begin ซึ่งเราไม่รู้ความหมายมันนะ stop หมายถึงหยุด begin คือเริ่มต้น แต่เราไม่ได้คิดว่าความหมายจริงๆ ต้องเป็นอย่างไร เราก็ฮัมเมโลดี้แบบภาษาต่างดาวไป  ออกเสียงภาษาอังกฤษปนเปกันไปหมด พอเลือกเพลงนี้มาแล้ว พี่เขาก็ถามว่า มีเนื้อเรื่องหรือมีอะไรที่อยากจะเล่าผ่านเพลงนี้หรือยัง พวกพี่ๆ จะได้ไปเรียนเนื้อกัน  ในเวลานั้นเราหัวโล่งเลย เราเลยขอเวลาคิดอีกหน่อย จนมันเมโลดี้มันทำให้ผมเกิดภาพหนึ่งขึ้นมา เป็นภาพที่ผมเคยเห็นแล้วแชร์เอาไว้บนเฟซบุ๊ก เป็นภาพคล้ายๆ กับคนต่างชาติที่เขาไปทำสงคราม และได้กลับมาหาคนรัก

เรานึกถึงหนังเรื่องหนึ่งที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ชื่อเรื่อง “คู่กรรม” ตอนนั้นที่ดูก็น่าจะช่วงมัธยม ดูกี่ครั้งเราก็ร้องไห้ และจดจำมาตลอด เราเลยอยากให้สองสิ่งนี้มาอยู่รวมกันมันจะโอเคไหม แล้วเอามประกอบกับเรื่องของตัวเอง หรือสิ่งที่เราเคยเจอมา ซึ่งพอเราเล่าเรื่องราวที่เราเคยพบเจอด้วยตัวเองให้พี่ๆ ในทีมฟัง สักพักเราก็ร้องไห้ออกมา 

เป็นเรื่องราวที่มีคนๆ หนึ่งหรือบางเรื่องที่มันติดอยู่ในใจเราเหมือนเขาฝังอะไรไว้ แล้วมันดึงไม่ออกจากใจ และเราเองก็ไม่ได้อยากลืมขนาดนั้น ในช่วง 5-6 วันแรกที่ฟังเมโลดี้นี้ เราร้องไห้ทุกวันเลย คนอื่นจะอินหรือไม่อินเราไม่รู้ แต่เราอินของเราเอง แต่ด้วยภาพที่เห็นมา ด้วยเรื่องที่เจอมา ซึ่งพอถึงวันที่ต้องมาทำเนื้อเพลงและเดโม่จริงๆ ด้วยกัน ผมก็เล่าเรื่อราวที่ผมตั้งใจอยากเล่าในเพลงให้พี่ๆ เขาฟัง ซึ่งวันนั้นมีพี่ในทีมคนหนึ่งถึงกับร้องไห้ออกมา และเขาเองก็บอกว่า เขาก็มีเรื่องที่เอาออกจากใจไม่ได้ให้นึกถึงเหมือนกัน หลังจากนั้นก็เคาะ แล้วก็ทำเพลงกันออกมาครับ

ในส่วนของ MV ก็จะเป็นเรื่องราวที่มาจากประชุมที่มาจากหลายฝ่าย ซึ่งก็มีพี่นุ่นเป็นพี่ในทีมผุดไอเดียขึ้นมา โดยเสนอว่า ถ้าเป็นเรื่องของผู้ชายคนที่ไปตกหลุมรักผู้หญิงที่ทำงานกลางคืนจะโอเคไหม เราได้ยินไอเดีนี้ระหว่างขับรถอยู่ จากง่วงๆ ก็ตื่นเลยครับ (หัวเราะ) เราก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมก็ได้ ผมโอเคนะ ผมชอบ เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีคนเล่าในมุมนี้ 

เรียกได้ว่าเพลง “อยู่ตรงนั้น” เป็นเพลงที่เป็นยูฟ่ามากที่สุดไหม

เพลงนี้เป็นเพลงที่เราได้แสดงออกถึงตัวตนของเราได้ดีที่สุด เพราะว่าเราได้เห็นและได้แลกเปลี่ยน ได้คุยกับพี่ๆ ในทีมมากที่สุด เราได้รู้จักตัวเองมากที่สุด และเราก็โตขึ้นด้วย

ระหว่างทำเพลงนี้เราก็มีโมเมนต์ที่ติดและตรึงใจด้วย โดยเฉพาะตอนอัดเพลง เพราะตอนอัดเพลง เรากังวลว่าเราจะร้องไห้ระหว่างอัดเพลง ตั้งแต่เด็กเราเป็นคนที่ร้องไห้ง่าย เราแคร์คนอื่นเยอะ แต่พอโตมาความรู้สึกเหล่านั้นก็เริ่มหายไป เพราะเราไม่อยากเป็นแบบนั้น ซึ่งพอมีเรื่องที่กระทบใจเราจริงๆ เราก็จะตัดสินใจเดินออกมาเลย เพราะฉะนั้นในวันที่อัดเพลงนี้ เราเลยมีความกลัวมากๆ ว่าเราจะร้องไห้ ยิ่งตอนที่ฟังดนตรี เพลงก็จะก้องอยู่ในหู เราได้ยินทุกอย่างชัดไปหมดทุกอณูเลย ราวกับว่าเราอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีแค่เรากับดนตรี เหมือนเราหลับตาลงก็ได้ยินทุกอย่าง 

เมื่อถึงวันอัด เราแบ่งอัดเป็นสามวัน วันแรกจะเป็นการอัดเสียงกีต้าร์ของเรา และอีกสองวันคืออัดเสียงร้อง ไปวันแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร ซื้อลูกชิ้นไปเต็มมือเพราะคิดว่าจะได้อัดแค่เสียงกีต้าร์ แต่พอขึ้นไปที่ห้องอัด พี่เขาก็บอกให้เราอัดเสียงร้องเลย เราก็ตกใจเพราะเรากินของทอด กินอาหารเข้าไปเยอะๆ แล้วมันจะง่วง การร้องอาจจะออกมาไม่เต็มที่ แต่พี่ๆ เขาให้เราอัดไปเลยเพราะกลัวว่าการตั้งใจมากเกินไปอาจจะทำให้เราร้องไห้ออกมาจริงๆ

การอัดเสียงร้องของเพลงนี้มันต่างออกไปจากเพลงอื่น เพราะเราอัดเป็น Long Take เลย โดยปกติแล้วเวลาคนทำเพลง เขาก็อาจจะแบ่งท่อนร้อง หรือแก้คำบางคำให้มันเสถียรมากขึ้น เพราะการร้องเพลง  Long Take มันทำให้เสียงมั่นคงตลอดทั้งเพลงไม่ได้อยู่แล้ว แต่เพลงนี้ดันไม่ได้ตัดแต่งเสียงเลยตั้งแต่จนจบ 

เราจำได้ว่าตอนอัดไปเทคสองเทค  หลังจบทุกเท พี่กบจะถามว่า คิดว่าตัวเองร้องเป็นยังไง เราเลยขอร้องอีกครั้งหนึ่ง พอร้องไปสักพักพี่ๆ ก็เริ่มปิดไฟ แสงสลัวจนจะมืด เราหลับตาร้องเพลงไปก็เริ่มเห็นบรรยากาศที่อยู่รอบตัวเรา เทคนี้เราเลยร้องไห้ทั้งเทคเลย สิ่งที่เรากลัวมันเกิดขึ้นจริงๆ แต่พี่ๆ เขาก็ไม่หยุดเพลง เหมือนเราเปิดคาราโอเกะเพลงนี้แล้วร้องไห้ สุดท้ายเราก็เลือกเทคที่ก่อนร้องไห้ เป็นเทคที่เราบอกว่าบรรยากาศทุกอย่างมันมาอยู่รอบตัวหมด เราก็เลือกเทคนั้น ซึ่งเป็นเทคยาวจริงๆ นี่คือสิ่งที่ประทับใจที่สุดแม้ว่าเราจะร้องไห้ แต่ว่ามันก็มีเทคที่ดีที่สุดก่อนที่เราจะร้องไห้ ซึ่งเราไม่คิดว่าจะใช้ได้ แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะดีสำหรับพี่ๆ เขาด้วย

ดนตรีมีอิทธิพลยังไงกับยูฟ่าบ้าง 

วันที่เราเหนื่อยที่สุด เหนื่อยล้าจริงๆ แบบที่ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ถ้าได้รู้ว่าเย็นนี้จะได้กลับไปเล่นดนตรี ความเหนื่อยทุกอย่างคือหายไปหมดเลย แค่ไปเล่นดนตรีกลางคืนหรือไปเล่นกีตาร์ ไปร้องเพลงให้พี่ๆฟัง ทุกความเหนื่อยหายไป  

อย่างที่สองคือเพลงทำให้เราได้ไปอยู่อีกโลกนึง บางคนอาจจะชอบไปเล่นเกม ชอบไปเดินชอปปิ้ง ชอบไปหาของกินที่อร่อยๆ แต่ของเราเป็นการทำเพลง หรือทำอะไรเกี่ยวกับดนตรี ซึ่งเราหวงพื้นที่ตรงนี้มากเลย เวลาที่คนรักหรือใครคาดหวังกับเรา เราไม่อยากให้เขาคาดหวังว่าเพลงของเรามันต้องเป็นอย่างไร เราอยากให้ทุกคนปล่อยให้เราทำไป เพราะกลัวว่าถ้าคาดหวังแล้วมันจะเกิดความเสียใจ เพราะเราทำเพลงแล้วเรามีความสุข ไม่อยากทำแล้วกดดัน เราก็เลยไม่อยากให้ใครมาคาดหวัง เพราะนี่มันเป็นพื้นที่เดียวของเราแล้ว และเราเองก็ไม่อยากให้พื้นที่นี้มันหายไปด้วย

ยูฟ่ามองภาพตัวเองในอนาคตไว้แบบไหนบ้าง

คำถามนี้ผมก็ไม่เคยถามตัวเองเหมือนกัน แต่พี่ๆ Mango Team เขาก็เคยถามผม ผมก็เลยได้ถามตัวเองมาเรื่อยๆ จนผมก็แอบคิดว่า ผมยังไม่เห็นตัวเองในจุดนั้น ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมมีความสุข ขอแค่หลับตาแล้วได้ยินเสียงดนตรีก็โอเคแล้ว ขอแค่ได้ทำแล้วสนุกแบบไปเรื่อยๆ 

แต่ในตอนนี้ ผมเห็นภาพมากขึ้นนะ ส่วนตัวเราชอบวง FREEHAND ตอนที่พี่ๆ เขาไปเล่นดนตรีสด ไปเล่นคอนเสิร์ต เราก็รู้สึกว่าพี่ๆ เขาเท่จังเลย ถ้าเราได้ไปเล่นกับพี่ๆ เขาบ้างก็น่าจะสนุกนะ อยากจะได้ไปเห็นทะเลดาว เราไม่เคยมีโมเมนต์นี้ แต่ว่าถ้าได้เห็นบ้างมันจะเป็นยังไงนะ หรือได้ไปเล่นกับพี่ๆ ที่เราชอบหรือได้ไปอยู่บนเวทีเดียวกันกับพี่ๆ ที่เขาเก่งมากๆ เราคงจะมีความสุขมากเหมือนกัน ง่ายๆ คือเราอยากเห็นตัวเองได้ไปเล่นกับพี่ๆ วงที่เราชื่นชอบ หรือฝันอยากให้พี่ๆ ที่เราชอบมาร้องเพลงของเราบ้าง หรือได้ให้เพื่อนๆ ที่มาฟังดนตรีได้รู้จักเพลงเรามากขึ้น แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว

เด็กมนุษย์ฯ ผู้ชื่นชอบการออกไปเดินเที่ยวคนเดียว เอนจอยกับการเต้นและการกิน ปัจจุบันกำลังพยายามใช้ชีวิตแบบ Slow Life อยู่

อาร์ตไดผู้รักงานออกแบบที่เขียนคอนเทนต์ได้นิดหน่อย ชอบเล่าตัวเลขและข้อมูลด้วยภาพ ชอบกินเส้นมากกว่าข้าว ชอบดูหนัง ชอบแมว และชอบเธอ