ในยุคที่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะการเข้ามาของ “พี่จีน” ที่รุกตลาดและเขย่าวงการธุรกิจในไทยอย่างรวดเร็ว ถ้าถามว่าเราจะแยกออกอย่างไรว่า ร้านไหนเป็นร้านของคนไทย แล้วร้านไหนเป็นร้านของคนจีน เชื่อว่าหลายคนก็คงจะแยกด้วยราคา ที่ถูกกว่าราคาตลาดแบบหลายเท่าตัว หรือการตกแต่งหน้าร้านที่หรูหรา อล่างฉ่าง แต่นอกจากสิ่งที่ยกตัวอย่างมานี้ อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของเขาเลยจริงๆ นั่นก็คือ…

ฟอนต์ไทยมีหัว นั่นเอง
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมร้านอาหารและเครื่องดื่มจีนที่มาเปิดในไทย ถึงต้องใช้ฟอนต์ไทยมีหัวในการสื่อสาร ตั้งแต่ป้ายร้าน เมนูอาหาร ไปจนถึงการใช้โปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย เชื่อว่ามีหลายคน ทั้งคนทั่วไป หรือสายนักออกแบบ คงขัดใจหรือรู้สึกฮาอยู่ไม่น้อย และมีคำถามเคลือบแคลงในใจว่า ทำไมถึงใช้ฟอนต์ไทยมีหัว คนจีนเป็นคนทำหรือเปล่านะ? แล้วทำไมถึงไม่ลงทุนจ้างนักออกแบบไทย ในเมื่อการเปิดร้านก็ต้องมีเงินลงทุนไม่ใช่น้อยแน่ๆ วันนี้ ArtDi-alouge เลยขอพามาไขข้อสงสัยเรื่องนี้ และสรุปออกมาเป็น 3 เหตุผล ทำไมฟอนต์ไทยมีหัว ถึงนิยมใช้ในร้านอาหารจีน
ฟอนต์ฟรี ติดเครื่อง บรื้นนน~
ฟอนต์ส่วนใหญ่ที่ร้านนิยมใช้ส่วนมาก มักเป็น System Font หรือฟอนต์ที่ติดกับเครื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่แรก เช่น Tahoma หรือ Cordia นั่นก็เพราะฟอนต์เหล่านี้ เป็นฟอนต์ที่มีการรองรับทุกภาษา ฟอนต์เดียวสามารถใช้ได้กับทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาไทย ตัดปัญหาเรื่องความยุ่งยากในการเลือกฟอนต์ที่เข้ากันในแต่ละภาษา และไม่ต้องพะวงเรื่องลิขสิทธิ์ของฟอนต์อีกด้วย เพราะฟอนต์ที่ติดกับเครื่องมาสามารถใช้ในเชิงพาณิชย์ได้

เหตุผลข้อแรกนี้ เป็นเรื่องที่น่าขัดใจสำหรับใครหลายๆ คน เพราะฟอนต์ที่ติดกับเครื่องมาส่วนใหญ่ ถูกออกแบบฟอนต์มาในยุคที่จอคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มีความเล็กและไม่ได้ชัดเท่าในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกับ Tahoma ที่ลักษณะของตัวมันเองมีความกว้าง อ้วนตัน เพื่อรองรับกับความละเอียดของจอที่ชัดที่สุดในยุคนั้น การนำฟอนต์มาใช้ในยุคที่จอความละเอียดสูงแล้ว แถมนำมาใช้กับสื่อสิ่งพิมพ์ ยิ่งดูผิดแผกเข้าไปใหญ่

แต่ก็จะมีแบรนด์ใหญ่หลายร้านที่เรารู้จัก ก็เลือกซื้อฟอนต์ลิขสิทธิ์มาใช้งานกับแบรนด์ตัวเอง หรือคัสตอมฟอนต์สำหรับแบรนด์ตัวเองขึ้นมาโดยเฉพาะ หรือเลือกใช้ฟอนต์ฟรีที่สามารถใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ เช่น Mixue เลือกใช้ฟอนต์ Mi Sans ที่รองรับภาษาไทยด้วย
ถ้ามีหัวละก็… ไทยแน่นอน!
ในจักรวาลของฟอนต์ไทย เราสามารถแยกประเภทของฟอนต์ได้สองแบบหลักๆ คือ ฟอนต์ไทยมีหัว (Thai Looped) และ ฟอนต์ไทยไม่มีหัว (Thai Loopless) ซึ่งสองฟอนต์นี้ยังสามารถแยกย่อยประเภทได้อีกหลายแบบ เช่น ฟอนต์ตัวเขียน (Script Font) ฟอนต์ไทยนริศ (ฟอนต์ไทยหัวตัด) หรือ ฟอนต์ประดิษฐ์ (Display Font) เป็นต้น
เรามีฟอนต์ไทยให้เลือกหลายรูปแบบ แต่ทำไมร้านอาหารจีน หรือแม้แต่ร้านอาหารต่างชาติบางร้านถึงนิยมใช้ฟอนต์ไทยมีหัว
นั่นก็เพราะ คนต่างชาติอ่านฟอนต์ประเภทอื่นไม่ออก นอกจากฟอนต์ไทยมีหัว ปัญหานี้แทบจะไม่เกิดขึ้นกับคนไทยเราเอง หรือมีแต่ก็เป็นส่วนที่น้อยมาก เพราะเราจดจำพยัญชนะ และสระจากโครงสร้างของตัวอักษร และวิธีการเขียน ในขณะที่คนต่างชาติจำตัวอักษรไทยจาก “หัว”

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ อย่างเช่น “ร.เรือ” ของฟอนต์ไทยมีหัว และรูปแบบการเขียนปกติของเรา จะมีหัวตรงฐาน และมีการตวัดตรงปลาย ในขณะที่ ร.เรือ ของฟอนต์ไทยไม่มีหัว จะมีความใกล้เคียงกับ ตัว S ของภาษาอังกฤษ หรือ “ล.ลิง” ของฟอนต์ไทยไม่มีหัว จะมีความใกล้เคียงกับ ตัว a ของภาษาอังกฤษ
แม้แต่คนต่างชาติที่เรียนภาษาไทยเองก็อาจจะแยกหรืออ่านไม่ออก เพราะแบบฝึกหัดหรือแบบเรียนภาษาไทยของคนต่างชาติ มักจะใช้ฟอนต์ไทยมีหัวเป็นหลัก ซึ่งกลายเป็นภาพจำของคนต่างชาติไปแล้ว หากคนต่างชาติที่ต้องการความ Advance ในด้านภาษา อาจจะต้องลงเรียนเพิ่มในวิชา Thai Font 101 เลยทีเดียว
เน้นถูก ไม่เน้น(ดู)แพง
เหตุผลทั้งสองข้อแรก เป็นเหตุผลว่าด้วยเรื่องของเทคนิคและข้อจำกัดด้านภาษา หากมองในเรื่องของการตลาดบ้างล่ะ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่า ร้านอาหารและเครื่องดื่มจีนที่มาเปิดในไทยส่วนใหญ่ จะเน้นการตลาดไปที่เรื่องของราคา และการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว รวมถึงการขายกลุ่มลูกค้าคนจีนเป็นหลัก ฉะนั้น เรื่องของการออกแบบจึงอาจเป็นเรื่องรองลงมา

แต่ก็ไม่ใช่ว่าร้านทุกร้านจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบกันเสียหมด เพราะมีแบรนด์ใหญ่หลายแบรนด์ที่เรารู้จักกัน ก็มีวิธีการสื่อสารและการใช้ฟอนต์ รวมไปถึงการออกแบบที่สอดคล้อง และสื่อสารตรงกับผู้บริโภคไทย เช่น Mixue หากเราจำได้ดีในช่วงที่เปิดตัวแรกๆ ก็มีการใช้ฟอนต์ไทยมีหัวจนเป็นมีมทั่วอินเทอร์เน็ต ก่อนที่จะเปลี่ยนฟอนต์ให้ดูดีขึ้น หรือ Haidilao ที่มีการออกแบบร้านไปจนถึงโพสต์โปรโมตบนโซเชียลมีเดียที่สวยและสื่อสารกับคนไทยได้เป็นอย่างดี
หลายๆ คนอาจจะรู้สึกขัดใจหรือฮาครืนทุกครั้ง ที่เวลาเห็นภาพป้ายหน้าร้าน หรือเมนูอาหารของจีน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แปลกหากคิดเช่นนี้ เพราะเราอ่านและใช้ภาษาไทยอยู่ตลอดเวลา เราสามารถอ่านมันได้แม้ว่าจะเป็นฟอนต์มีหัวหรือไม่มีหัว จะประดิษฐ์หรือดัดแปลงจนเป็นรูปทรงฟอนต์ที่ผิดธรรมชาติของการเขียนทั่วไป เราก็อ่านมันได้อยู่ดี ในขณะที่สำหรับชาวจีน รวมถึงคนชาติอื่นที่ลำพังแค่การเรียนภาษาไทยทั้งอ่าน เขียน พูดก็ว่ายากแล้ว ดังนั้นการฝึกให้สามารถอ่านได้หลายฟอนต์เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร เมื่ออ่านทั้ง 3 เหตุผลนี้ ก็จะเข้าใจถึงสาเหตุการเลือกใช้ฟอนต์มีหัวมากขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างของการออกแบบล้วนมีที่มาที่ไป ทั้งแบบตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ไม่แน่ว่าการเลือกใช้ฟอนต์มีหัว ก็อาจจะเป็นกิมมิก หรือการสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ก็ได้ว่า ฉันคือร้านอาหารที่อิมพอร์ตมาจากจีนนะ! เพราะอย่าลืมว่า
Everything is Design, Design is Everything
Contributors
อาร์ตไดผู้รักงานออกแบบที่เขียนคอนเทนต์ได้นิดหน่อย ชอบเล่าตัวเลขและข้อมูลด้วยภาพ ชอบกินเส้นมากกว่าข้าว ชอบดูหนัง ชอบแมว และชอบเธอ