“เพลงเศร้ามันสื่อสารได้ดีกว่าเพลงแนวอื่นๆ ซึ่งในชีวิตแต่ละคนมีเรื่องเศร้าไม่เหมือนกัน งั้นให้เพลงของผมสื่อสารมันออกไป แล้วเอาชีวิตแต่ละคนใส่เข้าไปเป็น MV แทนแล้วกัน”
“ธีร์” นักร้องนำและมือกีตาร์วง Only Monday ที่ใช้การเขียนเพลงเป็นการระบาย ความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านบทเพลง จนได้ผลงานคุณภาพหลายๆ เพลงอย่าง จดจำ, บรรยากาศ, ได้แต่นึกถึง, ทุกความทรงจำ
ซึ่งทุกบทเพลงล้วนส่งเนื้อหาราวกับคนเขียนมานั่งอยู่ในใจใครหลายๆ คน
แต่ความเศร้าคงไม่อยู่กับเราตลอดไป และเพลงเศร้าก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพลงช้าเสมอไป
เพราะฉะนั้นในวันนี้ เราจึงมาคุยกันถึงเพลงใหม่ล่าสุดของ Only Monday อย่าง “ดองเก่ง” ซึ่งเพลงนี้ก็ยังเป็นเพลงเศร้าอยู่นั่นแหละ แต่อาจติดตลกขึ้นมานิดหนึ่ง เพลงนี้คือตัวแทนของความรู้สึก “อยากนอย” และ “อยากประชดประชัน” แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นกลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก “รอ” เพลงที่เอาใจคนแชทหนักขวา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้สนใจ
Only Monday (ประกอบด้วยสมาชิก ธีร์ นักร้องนำ-กีตาร์ , โปรด เบสและ เฟรม มือกลอง) กลุ่มเพื่อนที่ฟอร์มวงกันขึ้นมาสมัยมัธยม แต่ได้วันซ้อมแค่วันจันทร์เลยกลายมาเป็นที่มาของชื่อ “Only Monday” เจ้าของบทเพลงสื่ออารมณ์ที่มีแต่เพลงเศร้า จนเริ่มสงสัยแล้วว่าเคยสมหวังบ้างมั้ย?
เรามาทำความรู้จักกับพวกเขามากขึ้นผ่านบทความนี้กัน

ทำไมเพลงของ Only Monday ถึงมีแต่เพลงเศร้า
ธีร์ : ผมว่าเพลงเศร้าสามารถสื่อสารออกมาได้ดีกว่าเพลงแนวอื่น เพราะในชีวิตแต่ละคนเจอเรื่องเศร้าที่แตกต่างกัน เพลงของเราจึงเป็นเพลงที่ค่อนไปทางให้คนฟังตีความเอาเอง ฟังแล้วทุกคนจะมี MV เป็นของตัวเอง
พอเราแต่งแล้วคนอินกับเพลงของเรา เราเลยรู้สึกว่างั้นทำให้วงของเราไปในทางนี้เลยแล้วกัน เพราะเพลงเศร้านี่แหละสื่อสารได้ดีที่สุดแล้ว
อะไรคือสิ่งที่บ่งบอกได้ว่านี่คือ Only Monday
ธีร์ : คิดว่าเป็นส่วนผสมของพวกเราทั้งสามคนนี่แหละ
เฟรม : แต่ละคนในวงมีแนวดนตรีที่ชอบไม่เหมือนกัน ผมโตมากับ BIG ASS, Bodyslam, POTATO ส่วนโปรดโตมากับแนวดิสโก้หรือ R&B ส่วนธีร์โตมากับ Alternative Rock มันเลยกลายเป็นส่วนผสมที่ทำให้ออกมาเป็นวงในทุกวันนี้
ธีร์ : เพราะความที่เราแตกต่างของแต่ละคน เลยทำให้แนวเพลงของ Only Monday ไม่เหมือนเพลงของคนอื่น นี่เลยเป็นลายเซ็นของวงเรา
เส้นทางในการเติบโตกับการทำงานในค่าย
โปรด : ก่อนที่เราจะมีค่าย เราได้เล่นดนตรีแค่ตามอีเวนต์กับงานจ้างทั่วไป แต่พอเราได้มาอยู่ในค่าย ทำให้เราได้เติบโตขึ้น เราต้องจัดการทุกอย่างและมีความรับผิดชอบมากขึ้น
เฟรม : ช่วงที่เราทำงานด้วยกันแรกๆ เราต่างคนต่างยึดความคิดของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทำให้เวลาทำงานมันติดขัดตลอด แต่พอได้มีค่าย ได้ทำงานกับรุ่นพี่หลายท่าน เราได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ กลายเป็นว่าเราต้องลบอีโก้ของเราออกไป เพราะทุกอย่างคือผลงานของพวกเราสามคน ไม่ใช่แค่ของคนในคนหนึ่ง เราต้องช่วยกันทำมันออกมาให้ดีที่สุด
ธีร์ : สำหรับผม สิ่งที่มันแตกต่างกันโดยชัดเจนคือ ความเป็นศิลปินที่เพิ่มขึ้นในทุกวันกับอีโก้ที่สองสิ่งนี้มันมาคู่กัน แต่ด้วยความที่วงของเราผ่านอะไรแย่ๆ ด้วยกันมาแล้ว เลยทำให้เราใช้อีโก้ไปในทางที่ถูก เพราะบางสถานการณ์ก็ใช้อีโก้ได้ บางอย่างมันใช้ไม่ได้ อย่างเช่นในตอนที่เราไปเจอผู้ที่อาวุโสกว่า ตอนนั้นคือตอนที่เราจะใช้อีโก้ไม่ได้ พ่อผมเคยบอกว่า ถ้ายิ่งสูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องก้มต่ำลงมากเท่านั้น ถ้าอยากอยู่วงการนี้นานๆ ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ แต่สุดท้ายแล้ว ความเป็นศิลปินที่มันมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน อีโก้ก็มากขึ้นเช่นกัน แต่เราไม่ได้เอาอีโก้มาใช้ในทางที่ผิด ซึ่งนั่นถือเป็นการเติบโตที่ดีครับ

รู้สึกยังไงกับประโยค “รู้จักแค่เพลงแต่ไม่รู้จักวง”
ธีร์ : สำหรับผมไม่ได้ซีเรียสเท่าไร
เฟรม : มันเคยซีเรียสมาก่อน
ธีร์ : เคยมีครั้งหนึ่ง ผมได้ไปเจอคนที่มาดูพวกเราเล่น แล้วพวกเขาได้รู้ว่าผมเป็นคนทำเพลงและร้องเพลงนี้ เขาเลยเดินเข้ามาถามผมว่าผมเป็นคนทำเพลงนี้เหรอ ตลอดเวลาที่เขาฟังเพลงเรา เขาไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าของเพลงนั้นคือวงอะไร แล้วพอเขาได้มาเจอเรา เขาก็อึ้งแล้วก็บอกกับผมว่า “โหพี่ สุดยอด” มันทำให้ผมโคตรภูมิใจ นั่นเลยหมายถึงว่า เราไม่ได้ซีเรียสว่าคุณจะรู้จักเรามั้ย แต่อย่างน้อยให้เพลงของเราได้อยู่กับคุณในทุกช่วงเวลาก็พอ
เฟรม : จริงๆปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่กับเราวงเดียวหรอก หลายๆวงก็เจอกับปัญหานี้เหมือนกัน มันเป็นตัวแปรที่เราควบคุมไม่ได้ ทุกวันนี้ศิลปินเกิดใหม่ขึ้นทุกวัน ผู้คนสามารถทำเพลงกันเองได้แล้ว อยู่ๆ เพลงมันจะดังก็ดังขึ้นมาก็ดังเลย คนอื่นก็ไม่ได้มานั่งสืบว่าเป็นเพลงของใคร
ธีร์ : แต่วงเราไม่เคยมองวางการทำเพลงมันเป็นคอนเทนต์ พวกเรามองมันเป็นชิ้นงานที่ต้องคงคุณภาพไว้ให้สูงที่สุด ไม่เคยคิดอยากทำให้มันเป็นไวรอล เหมือนการใช้คำว่า “แมส” ผมไม่คิดว่าผมเป็นคนแต่งเพลงแมสนะ ถ้ามันจะแมส มันน่าจะต้องแมสเพราะตัวมันเอง
เห็นว่า Only Monday เป็น “ดาวTikTok” ด้วย
เฟรม : (หัวเราะ) ผมก็ไม่คิดว่าคลิปมันจะแมส พวกเราแค่ถ่ายกันเล่นๆ แล้วพอยอดวิวมันขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยคิดว่าเราทำอะไรกันต่อดี เลยเกิดปิ๊งไอเดีย ทำไปเรื่อยๆ แล้วมันดันแมสทุกคลิปเลย มันทั้งตกใจแล้วก็ตลกดี
ธีร์ : จริงๆแล้ว TikTok ของ Only Monday มันคือการอัพเดทวง ไม่ได้หวังให้มันเป็นไวรัลหรืออะไร ถ้ามันจะแมสก็อยากให้มันแมสเพราะตัวมันเอง ปล่อยมันไปตามทางของมัน


เล่าที่มาของชื่อแฟนคลับ “Everyday” ให้ฟังหน่อย
ธีร์ : เป็นชื่อที่แฟนคลับตั้งให้ โดย “Everyday” มีความหมายว่า Only Monday จะเป็นวันจันทร์ให้กับทุกคน และทุกคนจะเป็นทุกวันให้กับ Only Monday
เพลง “ดองเก่ง” ยังคงเป็นเพลงเศร้าเหมือนเดิม แต่มีจังหวะที่เร็วขึ้นกว่าเพลงอื่น อยากให้เล่าถึงแรงบันดาลใจของการทำเพลงนี้
ธีร์ : ฟังก์ชันของเพลงนี้ ผมแต่งออกมาเพราะผมแค่อยากระบาย ผมเป็นคนที่ชอบระบายผ่านบทเพลง ทุกๆ เพลงของ Only Monday ที่ผ่านมาเป็นการระบายทั้งหมด อะไรที่คับอกคับใจ ผมก็ระบายออกมาผ่านเพลงทั้งหมดเลย (หัวเราะ) ซึ่งเพลงนี้มาจากการที่ผมเอาเวลาไปจมปลักกับแชตแชตเดียว แต่เขาไม่ตอบเลย เราก็ทักไปเรื่อยๆ จนทนไม่ไหว และด้วยความที่เราไม่ได้อยากทำเพลงช้าแล้ว มันเลยปิ๊งคำว่า “ดองเก่ง” เป็นการพูดถึงเรื่องของการดองแชท มันน่าจะต้องพูดไปในแนวของการประชดประชัน ดนตรีเลยต้องไว เน้นโยกนิดหนึ่ง ฟังก์ชันของเพลงนี้ในอัลบั้มจึงเป็นเพลงที่ทำเอาสนุก
เฟรม : อีกอย่างคือ หลายๆ เพลงของ Only Monday เป็นเพลงช้าเลยอยากหาเพลงมาตัดเลี่ยนนิดหนึ่ง

ทำไม MV ดองเก่งถึงต้องมีคอนเซปต์เป็นโดเรม่อน และทำไมนางเอก MV ถึงต้องเป็นรตา BNK
ธีร์ : จริงๆ เป็นไอเดียของพี่เอิง ผู้กำกับ ด้วยความที่พี่เอิงทำงานกับพวกเรามานานมาก เป็นผู้กำกับที่ค่อนข้างรู้ใจว่าพวกผมต้องการอะไร เวลาเขาเสนอไอเดียอะไรมา พวกผมไม่เคยไม่ชอบเลย และรู้สึกว่าพอรตามารับบทนี้ ทำให้มีความรู้สึกว่ามัน kawaii (น่ารัก) เพราะถ้าโดเรม่อนมันเปลี่ยนเป็นผู้หญิง ก็น่าจะต้องเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ เพราะลุคของรตาเป็นคนสไตล์น่ารัก นางเอก MV ก็ควรจะต้องเป็นรตานี่แหละครับ
โมเมนต์ที่ประทับใจที่สุดในการทำเพลง “ดองเก่ง”
โปรด : ตั้งแต่ทำเพลงมา ผมชอบตอนอัดเพลงนี้มากที่สุด ผมรู้สึกว่าพอเพลงนี้เป็นเพลงเร็ว มันได้แสดงความเป็นตัวเองมากขึ้น ชอบตอนที่ได้อัดเพลง ปกติเวลาอัดเพลงผมจะนั่งอัดแบบจดจ่อมากเลย แต่พอเป็นเพลงเร็ว ผมได้โยกได้ปล่อยคาแรกเตอร์ความเป็นตัวเองมากขึ้น เป็นเหมือนเพลงที่แต่ละคนได้โชว์สกิล
เฟรม : ผมชอบตอนอัดเหมือนกัน ตอนแรกเพลงนี้เราคิดไว้ว่าจะทำกันที่บ้าน แต่ด้วยความที่เพลงมันเข้าเส้น อารมณ์มันมา เพลงมันสนุก ทำทั้งวันยังไหว
ธีร์ : ผมชอบตอนถ่าย MV เพราะไลน์ซิงก์เพลงนี้มันเท่มาก ไฟกระพริบๆ แล้วเป็นกระดาษหนังสือการ์ตูนปลิวว่อน ให้ความรู้สึกญี่ปุ๊นญี่ปุ่น

ศิลปินหรือไอดอลในดวงใจของแต่ละคน
เฟรม : ถ้าเป็นวงก็คงหนีไม่พ้น Retrospect, BIG ASS, Bodyslam แต่ถ้าเป็นฝั่งต่างประเทศ ก็จะเป็น BRING ME THE HORIZON, The Beatles แล้วก็มีมือกลองที่ชอบส่วนตัวคือ Luke Holland, Thomas Lang, Aaron Spears
ธีร์ : ไอดอลของผมส่วนมากจะเป็นแบนด์ซะส่วนใหญ่อย่าง LOSO, Modern Dog, Proud ถ้าเป็นต่างประเทศ ก็จะเป็น Green Day, Radiohead, Oasis, NIRVANA, Foo Fighters, The Beatle ส่วนมากมันจะเบนไปทางอัลเตอร์เนทีฟเสียส่วนใหญ่
โปรด : ในตอนเด็กผมชอบไมเคิล แจ็คสัน พ่อชอบฟังแล้วก็ชอบดูไมเคิลเต้น แต่พอโตขึ้นมาหน่อยผมเริ่มรู้สึกว่าพอได้มาทำงานตรงนี้ ความคิดของผมเริ่มเปลี่ยน ไอดอลและความคิด มุมมองในการฟังเพลงเริ่มเปลี่ยน จากที่เคยชอบฟังเพลงป๊อบ ก็เลยเปลี่ยนมาฟังเพลงร็อก Arctic Monkey, Oasis,BRING ME THE HORIZON อย่าง 3 วงนี้ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นไอดอลของผม เพลง ทรงผม หรือแม้กระทั่งการแต่งตัว

อยู่ด้วยกันมา 6 ปี อยากให้พูดข้อดีของเพื่อนในวงคนละหนึ่งข้อ
เฟรม : ธีร์ ไม่เคยโกรธ ทำอะไรให้ก็ไม่เคยโกรธ ส่วนโปรดเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี เป็นกำลังใจเป็นพลังบวกให้เราตลอด ทั้งสองคนเป็นพลังบวกให้ผมมาตลอด
โปรด : เฟรมเป็นคนที่ดูแล้วถ้าไม่รู้จักอาจจะกลัว เพราะเขาดูขรึม แต่เอาจริงๆ เฟรมเป็นคนที่แก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เฟรมก็จะสามารถช่วยเหลือได้ตลอด เรียกว่าเดอะแบกได้เลย เป็นพ่อใหญ่ในวง ส่วนธีร์เป็นคนที่ง่ายๆ อะไรก็ได้ ธีร์เป็นเพื่อนที่ตามใจ ไม่ขัดเวลาจะทำอะไร ให้อิสระทั้งการกระทำและความคิดแก่ทุกคน ธีร์เป็นคนที่ไม่ตีกรอบความคิดใคร ผมเป็นเพื่อนธีร์มาประมาณเกือบสิบปี ผมไม่เคยเห็นธีร์ตะคอกใส่ใคร ไม่เคยว่าร้ายใคร ให้เกียรติคนอื่น ให้กำลังใจตลอด
ธีร์ : ด้วยความที่เฟรมเป็นคนที่มีภาวะผู้นำสูง มีความรับผิดชอบ ขาดตกบกพร่องน้อยมาก เฟรมเป็นคนอบอุ่น ด้วยความที่เฟรมมีความเป็นคุณพ่อในตัวหน่อยๆ ให้ความเป็นพ่อหนุ่มไมโครเวฟ เป็นทั้งเพื่อน พี่ พ่อ เป็นทุกอย่างให้คนในวง ส่วนโปรดถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของ Only Monday ถ้าขาดโปรดไป วงคงแตกไปนานแล้ว โปรดเป็นเหมือนตัวเชื่อมของผมกับเฟรมเข้าด้วยกัน ทำให้วงนี้ดูเป็นวง ผมกับเฟรมมีความคิดค่อนข้างที่จะคนละขั้ว โปรดเลยเป็นคนจูนให้พวกผมสองคนเข้ากันได้ ขาดไม่ได้

สิ่งที่ภูมิใจที่สุดในการเป็น Only Monday คืออะไร
โปรด : ผมรู้สึกโชคดีที่มีสองคนนี้เป็นเพื่อน ซึ่งเขาไม่ใช่แค่เพื่อนทำงานแต่สามารถปรึกษาเขาได้ทุกเรื่อง ต่อให้ Only Monday จะอยู่จุดไหน จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ทุกครั้งที่ทำอะไร ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่มีเพื่อนที่เข้าใจผม ผมรู้สึกอุ่นใจเวลาได้เล่นดนตรีกับคนที่รู้ใจ นี่คือความภูมิใจของผมในการเป็น Only Monday
เฟรม : ผมดีใจตลอดระยะเวลาการเดินทางของผม ผมมีเพื่อนสองคนนี้อยู่ตลอด มีทีมงานและแฟนคลับที่ดี อีกอย่างนึงเลยคือยังมีครอบครัวที่คอยสนับสนุนผมมาตลอด แล้วก็ภูมิใจที่ทุกคนรัก Only Monday พวกเรารักแฟนคลับทุกคนเช่นกัน
ธีร์ : สิ่งที่ภูมิใจที่สุดในการเป็น Only Monday คือสิ่งที่เราตั้งใจทำมันที่สุดแล้วเราทำมันได้ มันเป็นสิ่งที่เราคยฝันกันไว้แล้วเราทำได้ มันเป็ยนความภูมิใจของเราเลย
เฟรม : ความฝันของผมคือได้เล่นดนตรีกลางคืน ได้เล่นตามสถานบันเทิงต่างๆ แต่อันนี้คือมันเกินฝันของพวกเราไปแล้ว แค่คิดก็ไม่รู้จะภูมิใจยังไงแล้ว มันเดินทางกันมาไกลมาก
ทุกคนเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็กรวมไปถึงมีดนตรีอยู่ในชีวิตตลอด ดนตรีมีอิทธิพลกับแต่ละคนอย่างไร
โปรด : ผมไม่ได้อินกับดนตรีตั้งแต่แรก ไม่ได้มีความฝันว่าอยากเป็นศิลปิน จริงๆอยากเป็นสถาปนิก ตอนเด็กๆพ่อชอบเปิดเพลงดิสโก้ เราก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าดนตรีมีอิทธิพล แต่พอได้มาเล่นดนตรี ดนตรีก็เริ่มมามีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในความคิดเรา
เฟรม : ผมแบ่งเป็น 2 ส่วน เป็นการฟังกับการเล่น ในส่วนของการฟังมันมีอิทธิพลมาตั้งแต่เด็ก พ่อผมเป็นคนฟังเพลงเพื่อชีวิต ตื่นมาก็เจอแล้ว ปู่ชิว คาราบาว มาลีฮวนน่า เปิดเป็นแผ่นซีดี ฟังมาตั้งแต่เด็ก จนรู้สึกว่าทุกวันนี้ ในหนึ่งวันต้องฟังเพลงอย่างน้อย 2-3 เพลง ถึงจะรู้สึกว่าไม่ได้ขาดอะไรไป ส่วนการเล่นดนตรีของผมคือ เมื่อก่อนผมชอบเล่นกีตาร์ อยู่มาวันนึงอยากเป็นมือกลอง พอได้เป็นศิลปิน แม้ในวันที่ไม่ได้ตีกลอง ผมก็คันไม้คันมืออยากตี คือมันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราไปแล้ว
ธีร์ : ดนตรีมีอิทธิพลกับผมมาก ผมเล่นดนตรีเปิดหมวกมาตั้งแต่เด็ก ของเล่นของผมในตอนเด็กจะเป็นของเล่นที่เกี่ยวกับเครื่องดนตรีทั้งหมดเลย
ดนตรีมันมีอิทธิพลกับผมตั้งแต่ตอน 8-9 ขวบ ตอนนั้นจำได้ว่าเจอคนที่เขาเล่นดนตรีเปิดหมวก ตอนนั้นผมก็คิดว่า ทำไมเขาดูมีความสุขจังเลยเวลาได้เล่นดนตรี บวกกับตอนนั้นผมต้องอยู่กับคุณตาบ่อย คุณตาชอบเปิดคอนเสิร์ตของพี่ปู-พงษ์สิทธิ์ ผมก็รู้สึกว่าทำไมเขาดูเท่จัง แล้วก็ที่ขาดไม่ได้เลยคือ คอนเสิร์ต LOSO คอนเสิร์ตเพื่อเพื่อน ผมเปิดดูหลายรอบมาก พี่เสกทำให้ผมอยากเล่นดนตรี เห็นพี่เสกเล่นแล้วเท่ เลยอยากเล่นบ้าง และรู้สึกว่าดนตรีมันคือสิ่งที่เราขาดไม่ได้ไปแล้ว

ภาพของวง Only Monday ในอนาคต
ธีร์ : เป้าหมายของเรา เราไม่ได้มองว่าเราจะต้องขึ้นสูงถึงขั้นไหน มันอาจจะมีแอบคาดหวังไว้บ้าง แต่มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะเรารู้สึกว่าตรงนั้นมันคือปลายทาง แต่ระหว่างทางมันคือสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ ก็เลยหวังว่าอย่างน้อย อยากให้วง Only Monday เป็นวงที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในอุตสาหกรรมเพลงไทยที่มันไปในทิศทางที่มันดีขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ อยากเป็นฟันเฟืองอันนึงที่ขับเคลื่อนวงการดนตรีไทยให้มัน Beyond ไปมากกว่านี้ เพราะว่าไม่ใช่แค่วงเราที่กำลังสร้างมันขึ้นมาอยู่ แต่ว่ามีพี่ๆ อีกหลายๆ วงที่กำลังทำมันอยู่ และพยายามยกระดับคุณภาพเพลงไทยให้มันสูงมากกว่านี้
อยากฝากอะไรถึงแฟนคลับ
ธีร์ : ขอบคุณ Everyday ทุกคนนะครับที่ติดตามพวกเรา เชียร์ และคอยส่งกำลังใจให้พวกเราตลอด แล้วก็ยังคงแชร์ ป้ายยา เพลงพวกเราให้คนอื่นเสมอ ถ้าไม่มี Everyday วงก็คงไม่ได้มาไกลขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับคนทื่ไม่ได้เป็นกลุ่ม Everyday แต่ฟังเพลงของพวกเรา ขอบคุณที่ทำให้ Only Monday ได้มีพื้นที่ในสาธารณะมากขึ้น ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากที่ไปไหนมาไหนแล้วไม่เคยมีคนมาขอถ่ายรูป แต่เดี๋ยวนี้ เริ่มมี มันเลยเป็นเหมือนสัญญาณของการก้าวสู่ขั้นต่อไปของการเป็น Only Monday ขอบคุณที่อยู่กับพวกเราในทุกๆขั้นตอนที่เรากำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ พวกผมจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังแน่นอนในเรื่องของผลงานเพลง ควอลิตี้ยังคงเดิม รักทุกคนนะครับ
