(ภูริทัตตชาดก วัดสระเกศ กทม.)
เชื่อว่าน่าจะได้เห็นข่าวการประกาศให้นาคเป็นสัตว์ประจำชาติ หมวดสัตว์ในตำนานกันไปแล้วนะครับ ซึ่งต้องขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นคนละส่วนกับช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติเช่นกัน แต่อยู่คนละหมวดกัน เพราะฉะนั้นอย่าดราม่ากันเลยนะครับ เพราะก็มีอีกหลายชาติเช่นจีน อินโดนีเซียหรือแม้แต่ชาติตะวันตกอย่างสกอตแลนด์ก็มีสัตว์ประจำชาติทั้งสองแบบเช่นกัน
อีกทั้งถ้าเราลองมองกันดีๆ ก็จะเห็นว่าในประเทศไทยของเรามีความเชื่อเกี่ยวกับนาคอยู่แล้ว จริงอยู่ที่ถ้าเป็นทางภาคเหนือหรือภาคอีสานอาจจะอินกับเรื่องนาคมากกว่า ดังจะเห็นจากนิทานหรือตำนานหลายเรื่องที่จะมีนาคเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น นิทานนาคเมืองหนองหาน หรือแม้แต่วรรณกรรมทางพุทธศาสนาหลายเรื่อง เช่น ตำนานอุรังคธาตุ หรือ ตำนานพระเจ้าเลียบโลกก็มีนาคเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายตอน
แต่ภาคกลางก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่อาจมีที่มาที่ต่างออกไป เพราะก็มีทำขวัญนาค บวชนาค หรือแม้แต่ในราชสำนักเองก็มีพาหนะที่ตกแต่งด้วยนาค เช่น เรืออเนกชาติภุชงค์ เรืออนันตนาคราช หรือแม้แต่ราชรถที่ใช้ในงานพระบรมศพอย่างพระมหาพิชัยราชรถ หรือ พระเวชยันตราชรถก็ทำเป็นรูปนาคหรือตกแต่งด้วยรูปนาคเช่นเดียวกัน
(พระมหาพิชัยราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร)
ยิ่งพอเรามองไปยังงานศิลปะไทย เราจะเห็นว่ามีนาคแทรกอยู่ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย ไม่ว่าจะในรูปของชื่อเรียกองค์ประกอบสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหน้าบัน เช่น ส่วนปลายของหน้าบันในตำแหน่งของหางหงส์แต่เปลี่ยนเป็นนาคหันหน้าตรงที่เรียกว่านาคเบือน หรือแม้แต่ส่วนคดโค้งคล้ายลำตัวนาคที่เรียกว่านาคสะดุ้ง หรือแม้แต่คันทวยที่ทางเหนือนิยมทำเป็นรูปนาคซึ่งเรียกว่านาคทัณฑ์
(พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง กทม.)
(วัดไหล่หินหลวง จ.ลำปาง)
รวมถึงบางชื่อที่เป็นชื่อเฉพาะไปเลย อย่างเช่น พระพุทธรูปที่นั่งบนนาคและมีนาคปกคลุมที่เรียกว่า พระนาคปรก หรือทางขึ้นวัดในศิลปะล้านนาหรือล้านช้างที่นิยมทำเป็นรูปนาคที่เรียกว่า บันไดนาค หรือถ้าย้อนไปในศิลปะขอมก็ยังมีสะพานนาค สะพานที่เปรียบได้กับสะพานสายรุ้งที่เชื่อมต่อโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ด้วย
(วัดต้นเกว๋น จ.เชียงใหม่)
ที่น่าสนใจอีกเรื่องนึงคือรูปลักษณะของนาค เพราะในแต่ละยุคช่างก็จะออกแบบนาคให้มีรูปลักษณ์แตกต่างกันตามแต่ละยุคด้วย อย่างเช่นนาคในสมัยทวารวดีจะถูกอธิบายว่าเป็นนาคหน้าลิง ในขณะที่นาคในสมัยขอมจะถูกอธิบายว่าเป็นนาคหน้าหมู ซึ่งนี่ไม่ใช่การบูลลี่นาคแต่อย่างใด ไม่เชื่อลองดูภาพประกอบดูครับ


(พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กทม.)
นอกจากนี้ยังมีนาคในรูปลักษณ์ของคนด้วย ซึ่งเราจะเรียกว่ามนุษยนาค ก็คือเอาคำว่า “มนุษย์” กับคำว่า “นาค” มาร่วมกันนั่นละ ซึ่งมักจะปรากฏในฉากเทพชุมนุมที่ต้องการความเหมือนกันของกลุ่มบุคคลที่นั่งเรียงแถวกัน เพราะถ้าเกิดมีงูมาแทรกระหว่างกลางคงดูแปลก ช่างก็เลยวาดเป็นเทวดาที่ยอดมงกุฏเป็นนาคหรือมีพังพานนาคซะเลย รวมถึงมีมนุษยนาคในรูปแบบของครึ่งคนครึ่งงูก็มี ให้อารมณ์คล้ายกับเงือกนั่นละครับ
(วัดทองธรรมชาติ กทม.)
ทั้งหมดทั้งมวลจึงไมใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ทางภาครัฐจึงประกาศให้นาคเป็นสัตว์ประจำชาติ จากนี้ก็คงต้องมารอดูกันต่อว่า การใช้งานนาคเพื่อสร้างให้เกิดการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาติ รวมถึงต่อยอด Soft Power เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติจะออกมาในทิศทางบวกหรือลบ จะออกมาในทางสร้างสรรค์หรือซ้ำซากกันแน่
หวังว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นตามมานะครับ
Contributors
Contributors
คนบ้าวัดเจ้าของสถิติ 43 วัดในวันเดียว ผู้หลงรักในศิลปะทั้งเก่าทั้งใหม่ ทั้งไทยและเทศ