“Hello~ MellaMay กุมารทองของเธอ”

เสียงสดใสของเมลล่าเม ทำเอารู้สึกถึงพลังงานล้นเหลือจากเธอ แม้ว่าลุคที่ปรากฏในเพลงเปิดตัวอย่าง “Golden Child” จะดูดุดัน มีความเป็นสาวเฟียซเท่ แต่เมลล่าเมที่ได้มานั่งพูดคุยกับ Rhythm ในวันนี้ กลับมีประกายความสดใสและพลังงานดีๆ อยู่รอบตัวเธอเต็มไปหมด

MellaMay (เมลล่าเม) ศิลปินน้องใหม่ลูกเสี้ยวไทย-ฝรั่งเศส จากค่าย Tero Music ดีกรี Performing Art School จากประเทศอังกฤษ ซึ่งไม่เพียงแค่สกิลการแต่งเพลงและร้องเพลงเพียงเท่านั้น เมลล่าเมยังสามารถร้องเพลงโอเปร่า, แสดงละครเวที, เต้นฮิปฮอป, เล่นดับเบิลเบส และยังเคยได้ร้อง Solo Performance กับวง Royal Bangkok Symphony Orchestra  ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีอีกด้วย

โปรไฟล์ไม่ธรรมดาขนาดนี้ คอลัมน์ดนตรีนั้นคือชีวิตจึงได้เอาบทสนทนาที่พูดคุยกับ MellaMay ตั้งแต่แรงบันดาลใจในการทำเพลงสไตล์ Dark Pop อย่าง Golden Child และผลงานที่ผ่านมาของเธอ ให้ทุกคนได้รู้จักเธอมากขึ้น และให้ได้ค้นพบอีกเพชรเม็ดงามในวงการดนตรี ผ่านบทความที่มีความยาว 2 นาทีไปด้วยกัน

เล่าเส้นทางการทำงานให้ฟังคร่าวๆ หน่อย

เมร้องเพลงตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ฝึกโอเปร่าและเพลงคลาสสิกก่อน หลังจากนั้นก็ย้ายไปเรียนที่อังกฤษ เรียนที่ Performing Art School ตอนนั้นเมได้เล่นละครเวทีมากขึ้น ได้เล่นเบสในวง Orchestra เบสใน Jazz Band ช่วงนั้นเป็นวัยแห่งการได้ทดลองว่าเราอยากไปในแนวทางไหน เรียกได้ว่าเมอยู่ใน The Whole world of music เมรู้ว่าตัวเองเป็นต้องอยู่ในโลกครีเอทีฟอยู่แล้ว แต่ไม่ได้รู้ว่าตัวเองจะมาจบที่การเป็นศิลปินเลยค่ะ แต่คงเป็นเพราะบางครั้งเราพูดถึงอารมณ์และความรู้สึกไม่ค่อยได้ เมก็เลยมาจบที่การทำเพลงและการร้องเพลงค่ะ 

ได้ยินมาว่าเคยร่วมงานกับโต๋ ศักดิ์สิทธิ์

ใช่ค่ะ ตอนนั้นเมอายุประมาณ 11-12 ขวบ แต่ช่วงนั้นเมย์ไม่ค่อยแสดงออกว่าชอบร้องเพลง เราแค่รู้กับตัวเองว่าชอบร้องเพลง แต่ไม่เคยแสดงออกให้คนอื่นเห็น ช่วงนั้นพอดีได้ทำงานกับพี่โต๋ พี่โต๋ก็เลยบอกว่าให้มาร้องเพลงกับพี่เขาหน่อย แต่พอต้องจะขึ้นเวทีจริงๆ เมย์ก็แอบงอแง ไม่อยากขึ้นเวที ซึ่งวันนั้นพี่โต๋ก็จะลากเมย์ขึ้นเวทีให้ได้ ซึ่งพอได้ขึ้นเวทีไปร้องเพลงตรงนั้นจริงๆ เมรู้สึกว่ามันปลดล็อกเมมากๆ วันนั้นเมเองก็แสดงได้ดีมาก เมได้ยินเสียงหัวใจที่สั่นในหัวเลย เมจำทุกอย่างได้ขึ้นใจเลยค่ะ

เมในตอนนี้อยากบอกอะไรกับเมในวันนั้นไหม

เราจะกลัวอะไรมากมาย เราจะกลัวความคิดของคนอื่นทำไม เราจะให้ความเห็นของคนอื่นมาเป็นจุดกังวลของเราทำไม ในเมื่ออีก 5 ปีเราจะเขียนเพลง Golden Child เพลงที่เขียนเพื่อการก้าวข้ามผ่านการโดนตีกรอบและความกดดันของชีวิต

เห็นแนะนำตัวว่ากุมารทอง ทำไมถึงใช้คำเรียกเแบบนั้น

ตอนเมเขียน Golden Child เป็นภาษาอังกฤษ แล้วต้องมาเขียนชื่อเพลงเป็นภาษาไทย เพื่อให้ทีมงานจะได้เข้าใจถึง message ของเพลงมากขึ้น เมเลยต้องเอาคำนี้ไปแปลใน google translate ค่ะ เมก็พิมพ์ลงไปว่า “I’m the golden child” กูเกิ้ลเลยแปลมาเป็นคำว่า “ฉันคือเด็กทอง” คิดไปคิดมา เมเลยปิ๊งกับคำว่า ‘อ๋อ งั้นชื่อไทยคงต้องเป็นกุมารทองแล้ว!’ (หัวเราะ)

เห็นว่า MellaMay เขียนเพลงนี้ด้วยตัวเองเลย

เมเคยเขียนเพลงมาเยอะมากเลยค่ะ แต่เพลง Golden Child เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เมรู้สึกว่านี่คือ “This is me” ที่สุดแล้วค่ะ มันคือการเปลี่ยนแนวการเขียนเพลงของเมด้วย เพราะเมื่อก่อนเมเคยเขียนเพลงเศร้าเป็นส่วนใหญ่ พอมาเขียนเพลงนี้เมรู้สึกสดชื่นมากขึ้น รู้สึกว่าเราได้เติบโต ทั้งในแง่ตัวเพลงและในแง่ของการเป็นศิลปินด้วย

แรงบันดาลใจของการทำเพลง Golden Child

แรงบันดาลใจมาจากช่วงที่เรารู้สึกโดนตีกรอบ โดนกดดัน และอยากก้าวข้ามอุปสรรคนี้ให้ได้ เมเลยเขียนเพลงนี้ด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนฟังรู้สึกว่า การจะออกนอกกรอบมันน่ากลัว แต่มันอาจจะถูกต้องเพื่อชีวิตของเราก็ได้ค่ะ

ตอนเขียนเพลงนี้มา เมมองย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเรียนอยู่ที่ performing art school ที่อังกฤษ ตอนนั้นเมรู้สึกเหมือนว่า เราไม่เคยเป็นผู้ถูกเลือกที่จะได้เล่นบทใหญ่สักที เพราะที่ตรงนั้นเขาก็มีสเปกของเขาเอง คนที่เรียน performing art school  ต้องเข้าใจแน่ๆ ว่าเมหมายถึงอะไร (หัวเราะ) เมก็คิดกับตัวเองว่า เราก็ซ้อมหนักอยู่นะ เรามีความสามารถมากพอและเพียงพอด้วยนะ แต่ทำไมเราไม่เคยเป็นผู้ถูกเลือก พอลองคิดใหม่มองใหม่ก็พบว่า เราอาจจะแค่อยู่ผิดที่แค่นั้นเองค่ะ

มีท่อนไหนที่ชอบในเพลงที่สุดไหม

น่าจะท่อนบริดจ์ค่ะ “I Shouldn’t have to sit still look pretty

Don’t like her? What a pity” เป็นท่อนที่ติดหูมาก เมชอบมากที่สุดเลยค่ะ

แปลให้ฟังหน่อย

แปลด้วยเหรอคะ? หนูแปลแย่กว่า Google translate อีกนะคะ (หัวเราะ)

I Shouldn’t have to sit still look pretty เราจะไม่มานั่งอยู่นิ่งๆ ให้ใครมาตีกรอบเรา

Don’t like her? What a pity ถ้าเธอไม่ชอบก็เรื่องของเธอเลย

ประมาณนี้ค่ะ

เห็นว่าได้คุณคิด-ศุภกิจ ฟองธนกิจ มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้

หนูกับพี่คิดเคยทำงานด้วยกันเมื่อก่อน หนูรู้สึกว่าพี่คิดเขาแปลอารมณ์หนูออกมาเป็นเสียงได้ ตอนหนูเดินเข้าไปสตูดิโอ หนูบอกพี่คิดเลยว่า พี่คิดหนูเบื่อมากเลยพี่คิด หนูโกรธที่เรามีแต่เพลงเศร้าๆ ที่จะมอบให้ผู้ฟัง เพราะเรารู้สึกโกรธนั้น เมเลยอยากส่งพลังไปถึงให้มากกว่านี้ พี่คิดก็เลยช่วยเคาะไอเดียจนได้มาเป็นกุมารทองค่ะ

เพลงกุมารทองคงสำคัญกับเมลล่าเมมากๆ เมอยากส่งพลังจากเพลงนี้ไปหาคนฟังยังไง

อยากให้เพลงนี้เป็นตัวแทนของคนที่รู้สึกโดนกดดัน การโดนตีกรอบ เพราะสำหรับเม เราเองก็ต้องกลับไปฟังเพลงนี้เพื่อเตือนตัวเองว่า ความคิดเห็นของคนอื่นจะไม่ได้มาเป็นสิ่งที่ นิยามตัวตนของเรา แล้วเราจะไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะเราก็เก่งในจุดของเราอยู่แล้ว 

ศิลปินที่อยากคอลแลปด้วย

อยากคอลแลปกับพี่ TWOPEE และพี่ MILLI ค่ะ น่าจะเป็นงานที่สนุกมากค่ะ อย่างถ้าได้คอลแลปกับพี่มิลลิ ทั้งตัวเมและพี่มิลลที่ไฮเอเนอร์จี้เหมือนกัน เลยคิดว่าคงเป็นการทำเพลงที่น่าจะสนุกมากๆ ค่ะ

ดนตรีมีอิทธิพลกับ MellaMay อย่างไรบ้าง

ดนตรีมันเลือกเมมากกว่าเมเลือกดนตรีค่ะ เมเป็นเด็กที่ชอบฟังเพลง ติดหูฟังมาตั้งแต่เด็กๆ เอาแต่ฟังเพลงอย่างเดียวเลย ซึ่งสิ่งที่ดนตรีมีอิทธิพลกับเมคือ มันสื่ออารมณ์ที่เมอาจจะไม่กล้าพูดออกไปได้ ในช่วงเวลาที่มีคนไม่เข้าใจเรา แต่ดนตรีมันทำให้เมรู้สึกว่า มีคนที่เข้าใจเรานะ และยิ่งการที่คนอื่นมาเขียนเพลงที่สื่อถึงอารมณ์ของเราด้วย แปลว่าไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่รู้สึกแบบที่ตัวเรารู้สึกค่ะ

ลองนิยามตัวเองในตอนนี้สักสามคำ

Golden-Child-ปัง!

Contributors

เด็กมนุษย์ฯ ผู้ชื่นชอบการออกไปเดินเที่ยวคนเดียว เอนจอยกับการเต้นและการกิน ปัจจุบันกำลังพยายามใช้ชีวิตแบบ Slow Life อยู่