หลายคนคงมีเพลย์ลิสต์โปรดที่มักเปิดขณะอ่านหนังสือ ทำงานบ้าน ขับรถ จนไปถึงขณะปั่นงานที่เรารัก แต่เราก็เดาว่าคงมีบางวันที่เรารู้สึกเบื่อกับเพลย์ลิสต์เดิมๆ จนหลายคนอาจเลือกฟังเพลย์ลิสต์ใหม่แบบให้แอปพลิเคชันสุ่มมาให้

แต่เชื่อว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งที่เลือกไปฟังเพลย์ลิสต์เพลงประกอบหนัง ละครหรือการ์ตูนที่มีเพียงเสียงดนตรี (ไม่มีเนื้อร้อง) แบบเราอยู่บ้าง เพราะหลายครั้งเราเองก็ฟังเพลงประกอบอนิเมะเรื่อง Haikyuu หรือถ้าเบื่อเพลย์ลิสต์ทุกอย่างที่มีแล้ว เราก็หันไปฟังเพลง Mozart แทน

วันนี้เราเพลย์ลิสต์ใหม่ และได้เปิดโลกดนตรีสไตล์นี้อีกครั้งจากการได้พูดคุยกับ “KRATING” กระทิง – กษิดิศ ยิ้มศิริ ศิลปินเดี่ยว-มือกีตาร์และนักแต่งเพลงที่เราอยากยกให้เป็นหนึ่งในผู้กล้าริเริ่มการทำเพลงสไตล์ Cinematic Guitar เป็นคนแรกๆ ในไทย

ด้วยดีกรีรองแชมป์การแข่งขันกีต้าร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “Overdrive Guitar Contest” ครั้งที่ 13 ปี 2023 ไม่แปลกใจว่าทำไมหลายๆ คนถึงอยากยกให้กระทิงเป็นศิลปินคุณภาพของไทย ที่ควรค่าแก่การให้ผู้คนรู้จักเขาคนนี้ให้มากขึ้น วันนี้คอลัมน์ดนตรีนั้นคือชีวิต จึงอยากชวนมารู้จักตัวตนผ่านผลงานเพลงของกระทิงให้มากขึ้น และอยากพาทุกคนเปิดใจกับวงการเพลง Cinematic ไปด้วยกัน 

การเล่นดนตรีครั้งแรกของกระทิง

ผมเล่นกีตาร์มาประมาณสิบกว่าปีแล้วครับ เริ่มจากการเล่นเปียโน ตอนอายุ 7-9 ขวบ สองปีหลังจากนั้นถึงได้เริ่มเล่นกีตาร์ และเล่นต่อเนื่องนานมาสิบกว่าปีเลย ซึ่งตอนนั้นเองผมไม่ได้รู้สึกอินกับเปียโนขนาดนั้น แต่ผมกลับได้เห็นเทปคอนเสิร์ตเพลงร็อกของวงสกอร์เปียนส์ครับ แล้วได้เห็นกีตาร์ที่เล่นอยู่ในคอนเสิร์ตนั้นจนรู้สึกว่ามันเท่ดี และเขาเอนเตอร์เทนคนเก่งมาก คอนเสิร์ตก็อลังการมากๆ ด้วย ผมเลยรู้ตัวว่าชอบเพลงร็อก ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยตั้งเป้าไว้เลยว่าอยากเป็นมือกีตาร์อาชีพครับ 

จริงๆ ผมได้อยู่ในวงการดนตรีมาตั้งแต่เด็กด้วยครับ ผมแค่เล่นดนตรีมาตลอดในแบบของผมเอง เพิ่งจะได้เริ่มงานในวงการดนตรีอย่างจริงจังหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยครับ นอกจากการทำงานกับคนรู้จักแล้ว ก็มีโอกาสได้ต่อยอดไปทำงานกับนักดนตรีฝั่งประเทศอังกฤษ ฝั่งยุโรป และประเทศหลักๆ คือญี่ปุ่นด้วยครับ

นิยามของดนตรีแนวนี้ในแบบของกระทิง

แนวดนตรีที่ผมทำมีเครื่องดนตรีหลักคือกีตาร์ นิยามของมันจึงถูกเรียกว่า “Cinematic Guitar” ครับ เป็นการนำแนวดนตรีที่ผมชอบสองแนวมารวมกัน คือแนวเพลง Cinematic หรือเพลง Soudtrack (ดนตรีประกอบหนัง ประกอบเพลง) มาผสมกับดนตรี Metal ที่เป็นสไตล์การเล่นกีตาร์แนวเพลงร็อก-เมทัลในแบบของผมเอง เมื่อสองสไตล์นี้มารวมกันจึงเกิดเป็นแนวเพลง Cinematic Guitar ครับ ว่ากันง่ายๆ คือเบสดนตรีจะเป็นเบสดนตรีประกอบหนัง ดนตรีที่ใช้ประกอบเกม แล้วก็เอากีตาร์มาเล่นเป็นเมโลดี้แทนการมีเนื้อร้องครับ

ความท้าทายในการทำเพลงสไตล์ Cinematic Guitar

สไตล์เพลงที่ผมทำอยู่ยังเป็นอะไรที่ใหม่ในวงการเพลงไทย และยังไม่มีตัวอย่างให้เห็นมากนัก เพราะมันอยู่ในฟังก์ชันที่ออร์เคสตราจะต้องไม่ซัพพอร์ตกีตาร์อย่างเดียว แต่กีตาร์จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในนั้นเลย ดังนั้นดนตรีแนวนี้จึงต้องหาจุดลงตัวระหว่างกีต้าร์ที่เป็นเครื่องดนตรีแปลกใหม่สำหรับวงออร์เคสตราให้ได้ ต้องพาสองสิ่งนี้อยู่มาอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว แต่ก็ยังสลับกันเด่นได้ ฉะนั้นความยากหลักๆ ผมมองว่าเป็นเรื่องการเรียบเรียงมากกว่าครับว่า ผมจะหาช่วงที่ทำให้แต่ละเครื่องดนตรีมันไม่กดทับกัน ไม่บี้กัน หรือชนกันมากเกินไปยังไงได้บ้าง  

คิดว่าวงการเพลงไทยรู้จักเพลงสไตล์  Cinematic Guitar มากน้อยแค่ไหน

ผมว่าถ้าเทียบกับทั้งโลก เพลงแนวนี้ยังไม่ได้มีนิยามที่ชัดเจนครับ เพราะดนตรีสไตล์นี้จะมีความเฉพาะกิจมากกว่าการทำออกมาเป็นเพลงแบบจริงจัง เช่น ในหนังดังๆ อย่าง Top Gun หรืออนิเมะดังๆ ที่เราดูกันอย่างเช่น Demon Slayer หรือ Attack on Titan ซึ่งเพลงแนวนี้คือเพลงเฉพาะกิจมากๆ แต่ผมอยากทำมันออกมาเป็นเพลงแบบจริงจังเลยครับ เพราะยังไม่มีใครหยิบดนตรีสไตล์นี้มาทำเพลงแบบจริงจัง ส่วนตัวผมคิดว่าดนตรีแนวนี้น่าสนใจ และสร้างสรรค์เพลงได้เยอะมากๆ ผมก็เลยลองหยิบมาทำให้เป็นกิจจะลักษณะมากกว่าการเป็นเพลงเฉพาะกิจ

อะไรคือเสน่ห์ของ Cinematic Guitar สำหรับกระทิง 

กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่ยืดหยุ่นสูง เล่นดุดันได้ อย่างที่เราเห็นในวงเมทัลหรือ จะเล่นให้เป็นเครื่องดนตรีที่ไพเราะจนทำให้เราร้องไห้ก็ย่อมได้เหมือนกัน เพราะกีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่เข้าได้กับทุกแนวเพลง ส่วนวงดนตรีออร์เคสตรา ที่อยู่ในเพลงแนวนี้ มักมีสีสันหลากหลายอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพราะวงออร์เคสต้าคือการผสมผสานเครื่องหลายชนิดอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อทั้งวงมาอยู่กับกีต้าร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงแบบนี้แล้ว ผมเลยมองว่าแต่ละเพลงมีรสชาติและสีสันที่หลากหลายดีครับ

เล่าถึงคอนเซปต์ซิงเกลแรกให้เราฟังหน่อย

ตอนนี้ผมเองก็เพิ่งปล่อยซิงเกิลแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว เป็นซิงเกิลที่อยู่ในอัลบั้มที่กำลังทำอยู่ ชื่อว่า “WARMONGER” แปลว่า “บ้าสงคราม” และจริงๆ ตอนนี้ก็กำลังซุ่มทำอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองอยู่ด้วยครับ คาดว่าจะออกมา 6-7 เพลง ซึ่งคอนเซปต์ของเพลงและอัลบั้มนี้คือสงครามเลยครับ เพราะผมชื่นชอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องกลียุคของประเทศต่างๆ เช่นประวัติศาสตร์ของโรมัน กรีก ญี่ปุ่น และจีนผมก็ชอบครับ ผมเลยเอาองค์ประกอบเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งของอัลบั้มนี้

ที่มาของชื่ออัลบั้มนี้เกิดความตั้งใจที่จะไปแข่ง Overdrive Guitar Contest ครั้งที่ 13 ครับ คอนเซ็ปต์นี้จึงเกิดขึ้นมาโดยการที่ผมตีความว่า การไปแข่งเหมือนการไปสู้รบ เสมือนเป็นการได้ไปดวลกีตาร์กัน เลยอยากทำเพลงในแนวสงคราม และได้ทำดนตรีในจังหวะที่เหมือนมีเหล่าทหารเดินพร้อมรบ จึงเป็นที่มาในชื่อของ WARMONGER ที่แปลว่าบ้าสงครามนั่นเองครับ

และจริงๆ อัลบั้มเดี่ยวที่ผมซุ่มทำอยู่ล้วนมีสตอรี่ของมันเองครับ อย่างเช่นเพลง WARMONGER จะถูกเล่าผ่านมุมมองของผู้ที่เป็นแม่ทัพ ผู้นำของทหารที่อาจจะดูร้ายหน่อยๆ เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงเปรียบเทียบถึงลิโป้หรือนโปเลียน ผู้พิชิตที่ไม่มีความปรานีประนอมและดุดัน แต่เพลงอื่นๆ ในอัลบั้มผมก็ตั้งใจอยากเล่าให้มีความเป็นฮีโร่บ้าง มีความเป็นพระเอกบ้าง ซึ่งแต่ละเพลงก็จะมีความ stand alone ไม่ได้มีความร้อยเรียงเป็นเนื้อเรื่องเดียวกันทั้งอัลบั้มขนาดนั้นครับ เพราะแต่ละเพลงก็จะมีเรื่องราวของ

ถ้าให้นิยามของการเป็นคนบ้าสงครามในแบบของกระทิง กระทิงคิดว่าตัวเองเป็นคนบ้าสงครามแบบไหน

(หัวเราะ) ผมก็คงเป็นนักรบไม่ใช่ผู้นำหรือไม่ใช่ผู้ที่สั่งการเป็นหลัก แต่เป็นนักรบที่ชอบลุยและลงสนาม เป็นคนบ้าสงครามที่ออกไปรบด้วยตัวเองครับ

กระทิงคิดว่าสีของอัลบั้ม WARMONGER เป็นสีอะไร

สีแดง สีดำ และสีเทา เป็นสีของเลือดและเหล็กครับ คงจะอยู่ในโทนนี้ ถึงจะมีโทนเย็นอย่างสีน้ำเงินบ้าง แต่จะเป็นน้ำเงินที่หม่นๆ หน่อยครับ

กลุ่มผู้ฟังในตอนนี้เป็นกลุ่มไหน

ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นคนไทย แต่ผมก็ได้ดูหลังบ้านบ้างครับว่าคนที่เข้ามาฟังมาจากประเทศไหนกันบ้าง ซึ่งก็มีคนจากต่างชาติเข้ามาฟังด้วยครับ เช่น อินโดนีเซีย ชิลี หรือประเทศโบลิเวีย จนไปถึงคาซัคสถานก็มีมาฟังครับ ผมว่ามันน่าสนใจเพลงสไตล์นี้จะไปถึงหลายประเทศจากหลายมุมโลกได้ครับ 

กระทิงอยากเห็นภาพตัวเองในวงการเพลง Cinematic เป็นแบบไหน

ผมคิดว่าวงการเพลง Cinematic มีกลุ่มคนฟังที่เยอะอยู่แล้ว พอๆ กันกับกลุ่มคนฟังเพลงร็อก-เมทัล เพียงแต่กลุ่มคนฟังสองกลุ่มนี้อยู่แยกกัน ผมเลยอยากนำพาคนสองกลุ่มนี้มารวมกัน ในอนาคตผมก็อยากร่วมงานกับศิลปินที่หลากหลาย เพื่อให้ดนตรีแนวนี้จับต้องได้ง่ายขึ้น หรือรวมถึงการมีเนื้อร้องที่จับต้องได้ 

อย่างเช่น ฮิโรยูกิ ซาวาโนะ นักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น ผู้แต่งเพลงประกอบเรื่อง Gundam, Attack on Titan และล่าสุดคือ Solo Leveling เขาก็มีชื่อเสียงจากการแต่งเพลงประกอบละคร แถมยังได้มีคอนเสิร์ตในฐานะศิลปินเดี่ยว ซึ่งเขาเล่นเปียโนเพียงอย่างเดียวระหว่างการจัดคอนเสิร์ต แต่ใช้วิธีการเชิญนักร้องที่หลากหลายมาร้องเพลงร่วมกันกับเขา ฉะนั้นผมก็คงอยากเห็นภาพตัวเองไปในทิศทางนี้เช่นกันครับ 

ดังนั้นแล้วดนตรีมีอิทธิพลยังไงกับชีวิตของกระทิง

ผมคิดว่าเวลาที่นักดนตรี นักแต่งเพลงหรือศิลปินทำเพลงกัน เขาก็คงอยากสื่อสารอะไรบางอย่างออกมา อย่างเพลงของผมเองก็แสดงถึงตัวตนและนิสัยของผมได้ ดนตรีคือสิ่งที่บ่งบอกว่าผมเป็นคนชอบเพลงร็อก แต่ในขณะเดียวกันก็มีมุมอ่อนโยน มันคือการสื่อสารอะไรที่ความเป็นตัวเราผ่านดนตรี ส่งผ่านไปให้ถึงคนที่ชอบและอินอะไรคล้ายๆ กันกับเราครับ

ช่วยแนะนำเพลย์ลิสต์เพลง Cinematic เพื่อเป็นแนวทางการติดตามผลงานต่อไปของกระทิงหน่อย

ผมทำเพลย์ลิสต์แนวเพลง Cinematic Guitar เอาไว้บน Spotify ชื่อเพลย์ลิสต์ว่า “Cinematic Guitar” เป็นเพลย์ลิสต์ที่ผมสร้างโดยการรวบรวมจากซาวด์แทร็กหนัง เกม และศิลปินที่เป็นศิลปินบรรเลงที่ผมคิดว่าจัดอยู่ในหมวดของ Cinematic Guitar ได้ สำหรับใครที่กำลังรอติดตามผลงานของผม ก็สามารถเข้าไปฟังเพลย์ลิสต์นี้รอก่อนได้นะครับ เผื่อจะได้เปิดโลกใหม่ๆ และได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ที่เราอาจจะชอบเหมือนกันครับ

Cinematic Guitar  Playlist : https://open.spotify.com/playlist/77Tv46dAFCEBm11FoJoTAo?si=8085c0c610b14873

Contributors

เด็กมนุษย์ฯ ผู้ชื่นชอบการออกไปเดินเที่ยวคนเดียว เอนจอยกับการเต้นและการกิน ปัจจุบันกำลังพยายามใช้ชีวิตแบบ Slow Life อยู่