ดนตรีสำหรับ Dru Chen ไม่ใช่แค่เส้นทางอาชีพ แต่เป็นเหมือน “เพื่อนคู่ใจ” ที่อยู่กับเขามาตั้งแต่วัยเด็ก จากการเริ่มต้นเรียนเครื่องดนตรีหลายชนิดในออสเตรเลีย จนย้ายมาเติบโตที่สิงคโปร์ เขาค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์จากการเล่นตามคาเฟ่และบาร์เล็ก ๆ ก่อนจะกลายมาเป็นศิลปินเต็มตัว ผู้ไม่เพียงแต่ร้องและแต่งเพลง แต่ยังลงมือโปรดิวซ์และสอนดนตรีด้วยตัวเองอีกด้วย

ครั้งนี้ทีม Rhythizen ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Dru Chen ผ่านการสัมภาษณ์ออนไลน์ส่งตรงจากสิงคโปร์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง ศิลปินหนุ่มเล่าเรื่องราวชีวิต ดนตรี และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อัลบั้ม Mirror Work 2 อย่างเปิดใจ ทำให้เราได้เห็นทั้งมุมความทุ่มเทและความเปราะบางในแบบที่เป็นตัวตนจริง ๆ ของเขา

สิ่งที่ทำให้ Dru Chen มีเอกลักษณ์คือการผสมผสานหลากหลายแนวเพลง ตั้งแต่ R&B, Soul, Blues ไปจนถึง Rock แล้วกลั่นออกมาเป็นสไตล์เฉพาะตัว เพลงของเขามักเล่าประสบการณ์ชีวิตจริง ทั้งด้านสว่างที่เต็มไปด้วยพลังบวก และด้านเศร้าที่สะท้อนความรู้สึกภายใน เขาหวังว่าผู้ฟังจะสัมผัสได้ถึง “อิสระ” และความเป็นตัวเองผ่านเสียงดนตรี เหมือนที่เขาใช้ดนตรีเป็นที่พึ่งในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะสุข เศร้า หรือสับสนก็ตาม


สวัสดีครับ ผม Dru Chen เป็นศิลปินจากสิงคโปร์ครับ ทำเพลง ร้องเพลง แต่งเพลง โปรดิวซ์ และก็เป็นครูสอนดนตรีด้วย ล่าสุดเพิ่งออกอัลบั้มใหม่ชื่อ Mirror Work 2 

จุดเริ่มต้นของการทำเพลง

จริง ๆ เริ่มตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ เลยครับ ผมเรียนดนตรีหลายอย่าง ทั้งเปียโน ไวโอลิน แล้วก็ใช้เวลาอยู่ในห้องดนตรีที่โรงเรียนเยอะมาก จนได้ลองเล่นกีตาร์ คีย์บอร์ด เบส กลองนิดหน่อย ปัญหาคือหานักร้องไม่ได้ สุดท้ายเลยคิดว่า “งั้นเราลองร้องเองก็ได้” แล้วก็ฝึกจริงจังตั้งแต่นั้นมา ผมเกิดที่ออสเตรเลีย แต่ย้ายมาอยู่สิงคโปร์ตั้งแต่เด็ก ๆ ช่วงแรกเริ่มเล่นดนตรีก็ไปเล่นตามคาเฟ่หรือบาร์เล็ก ๆ 

นิยามสไตล์เพลงของตัวเองว่าอะไร

ผมชอบ R&B, Soul, Blues แล้วก็มี Rock ผสมด้วย เวลาทำเพลงผมก็หยิบสิ่งเหล่านี้มาผสมกัน จนกลายเป็นสไตล์ของตัวเองครับ

มาพูดถึงเพลงล่าสุดกันบ้างดีกว่า ‘Not Bad Is Not Good Enough’  ได้แรงบันดาลใจจากไหน


เพลงนี้จริง ๆ เป็นเพลงเศร้านะครับ มันมาจากประสบการณ์ที่บางครั้งเราอยู่ในความสัมพันธ์หรือเจอใครบางคนที่เป็นพิษกับชีวิต แต่เรากลับไม่สามารถก้าวออกมาเป็นตัวของตัวเองได้ นั่นเป็นสถานการณ์ที่เศร้ามาก ผมเลยอยากถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาในเพลง หวังว่ามันจะช่วยให้คนฟังได้ระบายและเยียวยาความรู้สึกของตัวเองบ้าง


โมเมนต์ไหนที่ชอบที่สุดในการทำอัลบั้ม Mirror Work 2

เลือกยากมากเลยครับ แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือครั้งแรกที่ผมลองเล่นเครื่องดนตรีทั้งหมดด้วยตัวเอง ผมเล่นกีตาร์ เบส คีย์บอร์ดได้พอใช้ แต่กลองนี่คือมือใหม่จริง ๆ ครั้งแรกที่เข้าสตูดิโอแล้วลองอัดกลองให้เพลง Everyone Is A Star ซึ่งเป็นเพลงแรกในอัลบั้ม ผมตื่นเต้นและดีใจมาก มันเป็นเพลงที่สดใส สนุก และยิ่งพิเศษเพราะผมได้เล่นกลองเอง

สตรีมมิ่ง Mirror Work 2 https://bfan.link/mirror-work-2

อยากให้คนฟังรู้สึกยังไงเวลาได้ฟังเพลงของคุณ

ผมหวังว่าคนฟังจะรู้สึกถึง “อิสระ” ไม่มีความกลัว ไม่ต้องซ่อนตัวเอง อยากให้รู้สึกปลดปล่อยเวลาฟังครับ


ศิลปินที่มีอิทธิพลต่อชีวิต

ถ้าพูดถึงศิลปินระดับตำนาน ผมชอบ Jimi Hendrix, Prince คนเหล่านี้มีอิทธิพลกับผมมาก ๆ และน่าเสียดายที่พวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนศิลปินไทย ผมชอบวง HYBS มาก ๆ เลยครับ เสียดายที่วงแยกไปแล้ว แต่ผมยังติดตาม Wim ทำงานเดี่ยวอยู่ เพลงของเขามีเสน่ห์มาก ผมชอบ Indie pop ผสม R&B และรู้สึกว่าซีนดนตรีไทยน่าสนใจจริง ๆ

งานอดิเรกนอกจากดนตรี


ผมชอบเล่นโยคะครับ ชอบเข้ายิม ออกกำลังกาย พวกนี้ทำให้ผมมีความสุขและสมดุลมากขึ้น


เพลงไหนที่สะท้อนตัวตนคุณได้มากที่สุด


ผมคิดว่าเพลง Mirror Work 2 ซึ่งเป็นเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม มันสะท้อนตัวตนผมได้มากที่สุด ทั้งในแง่ความรู้สึกต่อชีวิต และการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น

ดนตรีมีอิทธิพลกับชีวิตยังไง

ดนตรีช่วยให้ผมรับมือกับทั้งความสุขและความเศร้าได้ ผมสามารถเขียนเพลงจากอารมณ์ที่เจอ แล้วถ่ายทอดออกมาเพื่อเยียวยาตัวเอง


ฝากช่องทางการติดตามหน่อย

ทุกคนที่ติดตาม Rhythmread.co สามารถไปฟังเพลงของผมได้ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ ค้นหาชื่อ Druchen (D.R.U.C.H.E.N.) หรือเข้าไปที่โซเชียล @DruchenMusic ได้ครับ

Contributors

อาร์ตไดผู้รักงานออกแบบที่เขียนคอนเทนต์ได้นิดหน่อย ชอบเล่าตัวเลขและข้อมูลด้วยภาพ ชอบกินเส้นมากกว่าข้าว ชอบดูหนัง ชอบแมว และชอบเธอ