ร้องนำ : สไปรท์–วรวลัญช์ น้อยกมล
กีต้าร์ : หมิง-อภิวิชญ์ ดีไพโรจน์สกุล
เบส : เต็ง วัชรพงษ์ บัวดี
กลอง : อ๊อบ อัศวิน นรินทรกุล ณ อยุธยา
‘ขอ ฉันขอแค่เธอมายืนอยู่เคียงข้างกาย จะเป็นไปได้ไหม ที่เราได้จะได้คบกัน’
นี่เป็นทั้งเนื้อท่อนฮุคของเพลง หวานร้อย และการตั้งคำถามอย่างมีความหวัง ของคนคลั่งรักหลายคนที่ชอบเธอชะมัด แต่ไม่กล้าเอ่ยปากบอกไป เพราะใจเรามันบางเกิ๊น จะพูดทีก็เขิน ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
ถ้าคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่ เราแนะนำให้คุณลองใช้เพลงของ di age พูดแทนใจดู เพราะวินาทีนี้คงไม่มีใครเข้าใจทุกมุมมองความรัก ไปมากกว่าพวกเขาอีกแล้ว
di age วงดนตรี Soul-Pop ที่รวมนักดนตรีมากความสามารถจากรั้วดุริยางคศิลป์มหิดล ซึ่งปล่อยเพลงชาดำเย็นเพลงแรกในวันนั้น สู่ di age ที่เติบโตขึ้นบนเส้นทางดนตรีไปอีกระดับ ภายใต้การดูแลของค่ายแสนอบอุ่นอย่าง Wayfer Records ด้วยตัวตนเดิมที่ชัดเจนมากขึ้น บนแก่นของการหยิบจับวัตถุดิบว่าด้วยมุมมองของคำว่า ‘รัก’ ในทุกๆ มิติความสัมพันธ์มาร้อยเรียงเป็นบทเพลงแสนหวาน โดยที่พวกเขาเองก็หวังอย่างยิ่งว่า เพลงเหล่านั้นจะเป็นของขวัญแสนพิเศษที่เข้าถึงจิตใจของผู้ฟังทุกคน
หวานร้อย
กว่าจะเป็นหวานร้อย
สไปรท์ ทั้งหมดเริ่มจากหมิงครับ
หมิง จริงๆ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะทำเพลงนี้ให้วงครับ ผมจะทำเอาลงไอจีตัวเองเฉยๆ ก็ลองทำบีททำเมโลดี้ไว้ประมาณหนึ่งแล้วลองส่งให้วงฟัง ส่งให้พี่อ๊อบฟัง พอฟังแล้วพี่เขาก็บอกเลยว่าพี่ขอแล้วกัน ผมโอเคครับ ก็เลยขึ้นทุกอย่างจนเสร็จ แล้วพี่อ๊อบก็เริ่มโปรยคอนเซปต์มาตรงนั้นเลย
สไปรท์ ซึ่งคอนเซปต์ที่ตั้งมาคือพวกเราอยากได้เพลงรักหวานๆ เป็นเพลงรักแบบที่พวกเราทำกันอยู่แล้ว จะมาต่างก็คือเส้นเรื่องของเพลงนี้พูดถึงคนๆ หนึ่งที่แอบชอบใครอีกคนมากๆ แต่หาวิธีบอกออกไปไม่ได้ จนเกิดเป็นคำถามว่าทำยังไงดี
พอได้ไอเดียมาประมาณนี้ผมก็เลยลองเขียนเนื้อดู ได้ออกมาเป็นคีย์เวิร์ดหนึ่งคือ ‘ขอพร’ ซึ่งหมิงไม่ชอบคำนี้ครับ คำมันโบราณไป ขอพรอะไรก็ไม่รู้ไม่ชอบ ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวเราค่อยมาตกลงกันตอนเนื้อมันเข้าที่กว่านี้ ซึ่งสุดท้ายคำนี้ก็ได้ใช้นะมาในท่อนแร็ปพอดี
แต่ถ้าให้สรุปกระบวนการ จริงๆ เราตั้งใจจะปล่อยเพลงนี้ตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้วเลยครับ เพราะก็ถือว่ามันมีเดโม่อยู่แล้วอย่างที่บอก แต่เราปล่อยมันทิ้งไว้แล้วไปทำเพลงอื่นก่อน จนถึงวันที่ค่ายตั้งเดดไลน์นั่นล่ะครับ (หัวเราะ) เราก็เลยเอาเพลงนี้มากาง มาช่วยกันขึ้นโครง ขึ้นเนื้อเรื่องก็เลยเสร็จออกมาเป็นหวานร้อย
ทำไมต้องเป็น Tangbadvoice
สไปรท์ ตอนเราวางเรฟไว้เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องมีท่อนแร็ป แล้วพอคิดไปคิดมาอะครับ พี่ตั้งคือมาเป็นชอยส์แรกของพวกเราเลย คือต้องเป็นเขาเท่านั้น แต่เราก็ไม่เคยร่วมงานด้วยเลยนะ ดังนั้นตอนที่คุยกันมันเลยมีทางเลือกอื่นๆ ตามมา
เต็ง นอกจากพี่ตั้งตอนนั้นเรามีทางเลือกที่ค่ายเสนอมาอีกสองคน คือคนที่ร้องซูลูปาก้าตาปาเฮ้ THEMOONWILLALWAYSBEWITHME กับอีกคนคือพี่ MINEKUK เพราะอย่างที่บอก เราก็คิดว่าเออพี่ตั้งน่าจะยากไปรึเปล่า เพราะพี่เขาอาจจะไม่ว่างมาอาจจะติดงาน แต่สุดท้ายค่ายก็ไปคุยมาให้จนได้
สไปรท์ ตอนแรกที่เราส่งเนื้อเพลงของฝั่งเราไปให้พี่ตั้งฟัง คือมันมีเรื่องราวแล้วล่ะ แต่มันยังไม่เข้าที่ ยังไม่คอมพลีท แต่พี่เขานึกออกว่าเขาจะเล่นกับอะไรตรงไหน ซึ่งไอ้ตรงที่พี่เขาทำมาดันมาลงตัวกับจุดที่เรากำลังเถียงกันพอดี เรียกว่าพอมีแร็ปพี่เขาเข้ามาคือใช่เลยครับ สมบูรณ์ทันที
‘ฉันพร้อมจะฟัง’ สู่ ‘หวานร้อย’ นิยามคำว่ารักของได เอจ
สไปรท์ เราพยายามนำเสนอความรักในรูปแบบต่างๆ อยู่ครับ เส้นเรื่องจริงๆ ไม่ต่างกันมากหรอก มุมมองต่างหากที่ไม่เหมือนกัน รักอาจจะไม่ได้จบที่ความสุขเสมอไป เศร้า เหงา เสียใจ ทุกปลายทางมีจุดเด่นของมัน บวกกับวงเราที่ตั้งสไตล์เพลงมาเป็น Pop Soul ซึ่งมันเล่าเรื่องความรักได้ดีมากอยู่แล้ว เราก็เลยเซ็ทว่าวงเราจะบอกเล่าเรื่องราวของความรัก โอเคเรื่องนี้คนอื่นเขาก็ทำกัน แต่สไตล์แบบเรามันยังไม่ค่อยมี เราก็เลยพยายามเลือกเนื้อหาดีๆ เอาความเป็นวงใส่ลงไป ทำให้ทุกอย่างมันเป็นพวกเราที่สุด แต่ก็อยู่บนเรื่องราวความรักนี่แหละเข้าถึงง่ายดี
แต่ถึงเพลงจะดูฟังง่าย จริงๆ พวกเราคุยกันเยอะมากนะครับ เรียกว่ามีการปรึกษากันตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรือเรื่องไหนก็ตาม เพราะเราเชื่อว่าถ้าวงไม่คุยกัน มันก็จะไม่ได้งานที่เข้มข้นออกมา คือเถียงกันทุกเรื่องอะครับ (หัวเราะ)
ยกตัวอย่างสมมติเราขึ้นโครงเพลงมา ก็จะต้องมีละไม่ชอบกรูฟแบบนี้ ไม่ชอบกีต้าร์ทรงนี้ว่ะ ไม่ชอบเมโลดี้ตรงนี้เลย ก็เถียงกันเลยครับ เถียงกันเพื่อหาสิ่งที่ทุกคนชอบที่สุด เรียกว่าเป็นการหาตรงกลางที่ทุกคนต้องชอบเหมือนกัน แต่ก็เป็นปกติอะที่บางทีก็หาไม่ค่อยเจอ (หัวเราะ) บางครั้งคนนึงเสนอมา เออไม่ลองแบบนี้เหรอ ก็ตอบเลยครับ ไม่ลองๆ ไม่เอา (หัวเราะ) ยิ่งเป็นมุมมองเรื่องความรักนะยิ่งนั่งคุยกันเยอะมาก สรุปอยากให้จบเแบบไหน จบแฮปปี้ จบเหงา จบแค่เศร้าๆ หรืออยากให้ร้องไห้ไปเลย
อย่าง ‘หวานร้อย’ เนี่ยมันคือมุมมองความรักของการที่เราแอบชอบใครคนหนึ่ง ซึ่งเราได้คอนเซปต์ตรงนี้มาจากพี่อ๊อบ ออกมาเป็นเรื่องราวของไอ้มนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่มีความไม่กล้าอยู่ในตัวเอง เป็นคนขี้เขิน ขี้อาย คือโคตรชอบเธอเลยนะ แต่ก็ไม่กล้าเดินเข้าไป ทำยังไงดี หาทางออกไม่ได้ละ เออไปไหว้พระก็ได้ เผื่อว่าพระจะเห็นคุณค่าในตัวเรา (หัวเราะ)
อ๊อบ จริงๆ เพลงมันใช้งานง่ายมาก คือเวลาเราแอบชอบใคร เรามักจะมีความคาดหวัง จนสุดท้ายมันกลายเป็นคำว่า ‘ขอ’ ขึ้นมา อันนี้คือตั้งต้นสุด เพราะพี่เชื่อว่าเราต้องเคยรู้สึกชอบใครอยู่ละ แล้วตอนเขียนเนื้อกันอะ พี่รู้สึกว่า ไอ้คำว่าขอเนี่ย ขอฉันขอแค่เพียงมีเธอ มันเป็นประโยคที่ใครใช้งานก็ได้ สุดท้ายเลยปล่อยมันวางไว้ตรงนั้น
สไปรท์ สุดท้ายเลยคุยกันด้วยว่าเราจะใช้คำว่า ‘ขอ’ นี่แหละเป็นชื่อเพลง ภาษาอังกฤษก็จะเป็น Please เนี่ยจบง่ายๆ ก็จะเห็นว่ามันไม่มีคำว่า ‘หวานร้อย’ เลยครับ ดังนั้นหวานร้อยมันไม่ใช่คอนเซ็ปต์ของเพลงแต่แรก แล้วก็ยังไม่ใช่นิยามอะไร แต่จังหวะมันมาจากตอนเปิดเพลงให้ค่ายฟัง พอเขาฟังท่อนฮุคของเพลงไปปั๊ป เขาบอกเออหวานจังเลย
อ๊อบ ตอนนั้นชื่อที่ได้มาเลยเป็น ‘หวานไม่มีเลยขม’ แต่สุดท้ายก็ได้มาเป็น ‘หวานร้อย’ ครับเพราะมันโดดเด่นมากกว่า
เต็ง มันเอาไปเล่นกับตอนสั่งกาแฟด้วยครับ ปกติก็สั่งแบบไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ไซรัป แต่ถ้าคุณตกอยู่ในความรู้สึกแบบนั้นอาจจะสั่งกาแฟหวานเท่าไหร่ หวานร้อย ปกติไม่กินหวานแต่ช่วงนี้ชอบเพราะกำลังอินเลิฟ
สไปรท์ สรุปสุดท้ายหลังจากเถียงกันไปมาก็เป็นหวานร้อยก็ได้ เพราะในท่อนแร็ปก็มีคำว่าหวาน แล้วเนื้อเพลงต่างๆ มู้ดของเพลงทั้งหมดมันออกไปทางความหวาน ก็เลยโอเค เคาะเป็นชื่อนี้
ประทับใจแบบหวานร้อย
หมิง ชอบครับ ตอนแรกที่ไม่ชอบคำว่าขอพรเพราะผมรู้สึกว่ามันดูไกลตัว แบบคนคนหนึ่งจะไม่ลองพยายามหน่อยเหรอ ไปขอพรเลยเนี่ยนะ แต่พอมันมีแร็ปจากพี่ตั้ง กับเปลี่ยนฮุคสุดท้ายเป็น บอกว่ารักกันฉันขอเท่านั้นพอ ทุกอย่างมันก็ลงตัวไปหมดเลยครับ
สไปรท์ สำหรับผม ผมรู้สึกว่าเพลงนี้คอมพลีทครับ หนึ่งเลยเพราะเพลงนี้ได้ทำกับพี่ตั้ง คือก่อนหน้านี้เราได้งานกับ AUTTA มาแล้วก็จริง แต่เขาเป็นเพื่อนเราซึ่งเรารู้สึกว่ามันเก่งอยู่แล้ว แต่พี่ตั้งเนี่ย เราไม่เคยติดต่อเขา เราไม่รู้จักกัน เราตามแค่ผลงานของพี่เขามาตลอด พอได้ร่วมงานมันเลยรู้สึกว่าเพลงนี้จะต้องพิเศษมากแน่ๆ แล้วพอเราส่งเดโม่ที่เราทำไปให้เขาฟัง เขาส่งแร็ปกลับมา โอ้โห ผ่านครับ ดราฟท์เดียวลงตัว คือมันสมบูรณ์มากๆ เพลงที่เราทำมันคอมพลีทอยู่แล้ว แต่พอมีพี่เขาเข้ามามันยิ่งเห็นภาพของเนื้อเพลงชัดขึ้น ดนตรีทั้งหมดมันก็ฟูขึ้น เพราะว่าเราไปใส่รายละเอียดในท่อนของพี่ตั้ง พี่อ๊อบว่าไงเพลงนี้
อ๊อบ อืม ของพี่น่ะตัวเพลงมันแฮปปี้อยู่แล้วครับ แล้วก็รู้สึกแบบนี้มาตลอดนะตั้งแต่ทำเพลงกับค่ายมา แต่สิ่งที่ชอบมากเป็นพิเศษน่าจะเป็นในส่วนของเอ็มวี อันนี้ถูกใจพี่ที่สุด ทั้งภาพ ทั้งคอสตูมเลยครับ ก็คุยกับวงเหมือนกันว่า เรากำลังเจอทางที่เป็นของเราจริงๆ คือก่อนหน้านี้มันยังไม่ได้ถูกใจไปทั้งหมด แต่อันนี้คือทั้งสีเอ็มวี ภาพที่ออกมา คอสตูมที่ได้ บวกกับได้เจอผู้กำกับที่เรารู้สึกว่าทำงานด้วยแล้วแฮปปี้ ชอบตรงนี้ครับ
เต็ง เอาจริง ๆ ความรู้สึกส่วนตัวของเรากับเพลงนี้ก็คือ มันฟังง่ายกว่าตอนแรก ย้อนกลับไปตอนขึ้นโครงเพลงมา เราจำได้เลยว่าเราพูดกับวงด้วยความรู้สึกแบบ เนี่ยเพลงแม่งยากไปรึเปล่า มันควรจะไปอยู่หน้า B มั้ย แต่พอมันมีเนื้อมา มันมีซาวน์ที่เลือก แล้วได้แร็ปมาประกอบมันกลายเป็นว่า เอ้ย แมสกว่าที่คิด แล้วก็ย่อยง่ายกว่าที่คิดไว้ตอนแรกเยอะมาก ก็คือโอเคนะ โอเคมากด้วย
คาดหวังแบบหวานร้อย
สไปรท์ คือตอนพวกเราได้ดูเอ็มวีที่ทำออกมาพวกเราเซอร์ไพรส์มากนะครับ เพราะว่าทั้งงานสีทั้งงานภาพมันต่างจากเพลงเก่าๆ ที่ผ่านมาเยอะเลย แต่ถ้าถามว่าคาดหวังยังไงกับมัน ผมก็คาดหวังแหละครับว่าปล่อยไปแล้ว แฟนเพลงที่รอฟังอยู่จะชอบ แล้วถ้าเขาชอบ เขาก็จะเปิดสิ่งนี้ให้เพื่อนเขาฟังอยู่แล้ว แบบเอาไปแชร์ต่อให้คนอื่นฟังแน่ๆ ผมขอแค่นั้นเลย แค่คุณชอบทุกอย่างก็จบครับ เพราะจุดประสงค์ในการทำเพลงของพวกเราคืออยากให้คุณชอบ ฝั่งของเราเราชอบมันมากอยู่แล้วครับ ก่อนเราจะปล่อยออกไปเราชอบมันทั้งหมดแล้ว
อ๊อบ ในส่วนของพี่ พี่ก็คาดหวังให้คนดูเยอะแหละครับ ถึงตอนปล่อยออกมาเพลงมันจะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้าง แต่พี่รู้สึกว่ามันยังทำงาน มันมีการขยับขึ้นอยู่เรื่อยๆ มันไปต่อของมันเองได้ เหมือนความรู้สึกตอนที่เราปล่อยเพลง จูบกันสักครั้ง เลยครับ ตอนถึงแสนวิวพวกเราก็โคตรดีใจละ แต่พอมันเลยไปได้ไกลกว่านั้นพวกเราก็รู้สึกว่ามันยังไปต่อได้
เต็ง ตอนปล่อยเพลงนี้ไปจริงๆ คาดหวังมาก คาดหวังเลยว่าจะให้ทุกคนชอบ แต่มันจะมีอีกอย่างนึงที่อันนี้เป็นในส่วนของเราเอง ด้วยความที่เพลงนี้มันมีการเลือกใช้ซาวน์ที่ค่อนข้างใหม่กว่าเพลงที่ผ่านๆ มา รู้สึกว่าเพลงมันสมัยใหม่มากขึ้น มันวัยรุ่นกว่าเดิมน่ะ แล้วเราโอเคกับมันมาก ดังนั้นถ้าคนฟังชอบก็จะยิ่งดี ซึ่งเราไปอ่านคอมเมนต์มา ผลตอบรับมันโอเคเลย ทุกคนดูชอบ ทุกคนบอกว่ามันเปลี่ยนไปนะ แต่ก็ยังเป็นได เอจ อยู่ดี
หมิง ผมก็คาดหวังให้คนชอบครับ แต่ไม่ได้หวังเรื่องยอดนะ หวังแค่ให้คนเก่าๆ แฟนเพลงของเราชอบก็พอใจมากแล้วครับ เพราะเพลงนี้อะการแต่งอาจจะคล้ายๆ เพลงอื่นก็จริง แต่ในเรื่องของวิธีการอัดการทำงานบางอย่างมันต่างจากทุกเพลงที่ผ่านมามากๆ เลย โดยเฉพาะเสียงกลองครับ เพลงนี้พี่อ๊อบอัดกลองเป็นแค่เสียงสั้นๆ เอาไว้ครับ แล้วที่เหลือไปตัดทำให้มันเป็นลูปเอา เพราะตอนที่เราทำเดโม่ เราเลือกเสียงที่มีความเป็นอิเล็กทรอนิกส์สูงพอสมควร ดังนั้นมันจะมีความไม่สมบูรณ์ของมันอยู่ ซึ่งถ้าพี่อ๊อบต้องตีเพลงนี้สดๆ ก็จะเมา เมาใช้ได้เลย (หัวเราะ) แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ใหม่ของได เอจเลยครับ เลยอยากให้ชอบกัน
เพลงรักเพื่อคนคลั่งรัก
รักเพลงไหนเป็นพิเศษ
สไปรท์ ผมชอบดอกไม้ ส่วนตัวผมเลยผมชอบเพลงนี้ที่สุด เพราะดอกไม้ให้มู้ดแบบที่ในหัวคิดเลย แล้วผมก็ไม่ใช่คนเดียวที่เข้าถึงความรู้สึกนี้ได้ แต่เป็นเกือบทุกคนเลยที่ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกว่า ‘มันเหงานะ’ เพราะตอนที่ผมทำเพลงนี้อะ เป็นช่วงที่ฝนกำลังจะตก อากาศมันก็เย็น ทำให้ได้เนื้อว่า ฝนเริ่มตั้งเค้าในเวลานี้ เหมือนความเหงามายืนข้างฉัน เป็นความรู้สึกแบบที่ใครก็เป็นกันได้ ใครก็เข้าถึงได้ เลยรู้สึกชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ
หมิง ชอบดอกไม้เหมือนกัน แต่มันพูดไปหมดแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ คือ Arrangement มันลงตัวที่สุด มันไม่น้อยไป ไม่เยอะไป ซาวน์ดีไซน์ก็ลงตัว เป็นความพอดีที่ทำให้รู้สึกว่าเหงาจริงๆ
เต็ง เพลงดอกไม้นี่แหละ ทั้งวงชอบเหมือนกัน แต่สำหรับเรามันจะชอบ ฉันพร้อมจะฟัง มากกว่า ชอบทั้งเนื้อหา ชอบทั้งเวลาที่ได้เล่น แต่ไม่ค่อยจะได้เล่น (หัวเราะ) แต่อาจจะเพราะเพลงนี้มันมาจากเราด้วยแหละ พูดละเซ็งว่ะ เป็นความรู้สึกแบบเพิ่งโดนมาสดๆ ไม่รู้จะเอายังไงก็เลยอะ งั้นเอาไปทำเพลง แล้วพอออกมามู้ดมันก็เป็นแบบที่เราต้องการเลย คือเพลงโคตรดี แต่นักร้องไม่ค่อยร้อง
สไปรท์ ทำเองยากเองครับ (หัวเราะ) เป็นปัญหาที่ต้องไปแก้
อ๊อบ สำหรับพี่คงเป็นเพลงหวานร้อยนี่แหละครับ เพราะไดเอจเพลงช้าเยอะแล้ว เลยรู้สึกชอบจังหวะของเพลงนี้เป็นพิเศษ รู้สึกว่าถ้าได้โชว์มันจะต้องเป็นเพลงที่ทำให้ทุกอย่างสนุกขึ้น ขยับจังหวะมากขึ้น เหลือแค่ต้องไปฝึกตี lay back เพิ่ม
รักที่จะเติบโต
สไปรท์ แง่ของเพลงเลยครับ อันนี้ยึดจากฟีดแบ็คของนักดนตรีรอบตัว คือเราเปิดเพลงของเราให้เขาช่วยฟัง แล้วก็ดูคอมเมนต์ว่าเรากำลังไปในทิศทางไหน ก็ทุกคนบอกว่ามันต่าง ผมเองก็รู้สึกว่ามันต่าง ยิ่งโดยเฉพาะซาวน์กลองที่ไม่วินเทจแล้ว หรือบางคนฟังแล้วถามว่า ‘ใครแร็ปอะ เหมือนตั้ง Bad Voice เลย’
หมิง ใครพูดวะ ไม่อ่าน Description เลยเหรอ (หัวเราะ)
สไปรท์ เพื่อน ก็เลย เออๆ ตั้งใจให้เหมือนแหละ (หัวเราะ) อันนี้จะออกแนวปั่นๆ ครับ แต่เรื่องการเปลี่ยนแปลงอันนี้ได้ฟีดแบ็คมาจากหลายคนเลย เช่น พี่บิ๊ก D Gerrard เขาก็ให้คอมเมนต์มาว่า เพลงตอนนี้จังหวะมันขยับขึ้นกว่าเพลงที่ผ่านๆ มาแล้วนะ ซาวน์ก็ดูเข้าที่ แร็ปยังไปได้อีกเยอะเลย คือภาพรวมมันออกมาดีมากๆ ก็เลยคิดว่าตอนนี้วงดูกำลังโตไปในทางที่ใช่มากขึ้น
อ๊อบ พี่เสริมในส่วนของการวางแผนต่อๆ ไปแล้วกันครับ คือตอนนี้วงเองก็มีเดโม่ที่เกลี่ยๆ ไว้อยู่ประมาณนึงเลย ซึ่งตลอดมาเราขาดเรื่องฟังก์ชันเพลงเร็วมาตลอด เราก็จะมาอุดรอยรั่วตรงนี้กัน แล้วก็จะยังมีเพลงช้ากับเพลงปานกลางเตรียมเอาไว้ด้วย แต่อีกจุดหนึ่งที่สำคัญมากซึ่งเราจะเปลี่ยนเลยคือ ก่อนหน้านี้เรามีพูดว่าเราเถียงกันเยอะ คุยกันเยอะ กว่าจะได้แต่ละเพลง หลังจากนี้เราอาจจะเวียน ให้ทุกคนลองโปรดิวซ์สิ่งที่ตัวเองต้องการนำเสนอไปเลย อยากเล่าอะไร อยากสร้างคาแรคเตอร์ให้วงเป็นแบบไหนก็ให้ลองทำกันดู ซึ่งคิดว่าท้ายที่สุดมันจะทำให้ความเป็นได เอจ ยิ่งชัดเจนมากขึ้นแน่นอน
รักที่จะก้าวไปในวงการเพลง
สไปรท์ เราต้องไปโตในตลาดแมส แบบแมสจริงๆ เพราะพวกเราคาดหวังที่จะไปตลาดนั้นครับ เรารักในสไตล์ของเรา และอยากนำเสนอเพลงที่คนฟังสามารถร้องตามได้เลยคาดหวังมากครับ ว่าปีนี้ถ้าเพลงของเราติดในตลาดแมสสักเพลงนึง มันคืออีกก้าวที่ประสบความสำเร็จกว่าที่ผ่านๆ มา นอกจากนั้นยังอยากให้มีงานเล่นเยอะๆ ด้วยครับ เพราะเราอยากไปเจอกับแฟนคลับของเราทุกคน
ล่าสุดพวกเราไปเล่นงาน VERY (Festival)มาครับ ความรู้สึกของการที่เราหยุดร้องแล้วคนข้างล่างร้องเพลงของเราได้อะ เราอยากได้แบบนั้น แต่เป็นสถานที่ที่ใหญ่กว่านี้ คนเยอะกว่านี้ ทุกคนรู้จักเรามากกว่านี้ และรักเราแบบที่เป็นเรา อยากให้วงไปถึงจุดนั้นให้ได้ครับ
รักในสิ่งที่ฝันและรักในสิ่งที่ทำ
สไปรท์ เอาจริงๆ มันเครียดนะครับ ความรู้สึกมีผลกระทบ 100% เลย คือรักมั้ยมันก็รัก แต่เพราะรักก็เลยเครียดครับ เวลาเราออกไปเล่นข้างนอก เราเห็นอยู่แล้วว่ามันจะเป็นยังไง พอเรากลับมาทำเอง เราก็ยิ่งอยากทำให้มันดีกว่าที่เห็นมาอะครับ บางจุดเราทำได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มที่ ยิ่งแบบพอมาได้ลองทำเองทั้งหมด ยิ่งทำให้รู้ว่ามันไม่เหมือนที่เราคิดเอาไว้ตอนแรกเลย ตอนแรกที่คิดไว้คือเรารู้แหละว่ามันมีอะไรมากมายกว่าแค่การร้องเพลงแล้วก็เอนเตอร์เทน แต่พอมาทำจริงๆ แม่งมีหลายอย่างกว่านั้นมากๆ เลยยิ่งต้องทำความเข้าใจ
เต็ง รักมั้ยก็ชอบมันแหละ แต่ถ้าถามว่าต่างกับที่คิดไว้มั้ย ส่วนตัวไม่ค่อยมาก เพราะปกติเราเล่นให้ศิลปินคนอื่นอยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าโอเคเราคือซัพพอร์ตเตอร์ เราอยู่ในวงนี้ด้วยตำแหน่งเดียวกัน แต่แค่เราไม่ได้เล่นให้คนอื่น สุดท้ายมันเป็นวงของเรา ทุกเพลงเป็นเพลงของเรา คุณจำแค่นักร้องเราก็ได้ จำเราไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้างานมันดีทำให้วงมันดังขึ้น ไปข้างหน้ามากขึ้น เราโอเคนะที่จะยืนเล่นอยู่ที่เดิม
หมิง ส่วนนี้ผมรู้สึกเหมือนกัน เพราะจริงๆ ภาพในหัวผมไม่ใช่การเป็นศิลปิน ผมแค่อยากมาเล่นกีต้าร์ แล้วตอนนี้ผมก็ทำแบบนั้นอยู่ ดังนั้นความรู้สึกผมก็เหมือนพี่เต็งนี่แหละครับ เออให้คนจำสไปรท์ได้ก็พอ ฮือ (ทำเสียงเหมือนร้องไห้)
อ๊อบ ของพี่เนี่ยเรียกว่าเกินฝัน พี่รู้สึกว่าตอนที่ทำวงมาแล้วมีโอกาสได้ปล่อยเพลงแรกยังคุยกับสไปรท์เลยว่าหมื่นวิวก็ดีใจแล้ว ยิ่งถ้าได้แสนวิวสำหรับพี่คือเพลงนี้ประสบความสำเร็จแล้ว ทีนี้พอเราได้หนึ่งแล้ว มันก็จะมีเสต็ปต่อๆ ไป จากตลาดอินดี้ เราอยากไปโตในตลาดแมส อยากไปให้ไกลกว่านี้ เรียกว่าฝันอยากจะเป็นศิลปินได้เต็มตัวกว่านี้ละกันครับ
รักในการทำงานดนตรี เพราะดนตรีสอนให้รู้ว่า
สไปรท์ ผมรู้สึกว่าการไปทำงานข้างนอกในวงการดนตรีมันสอนนะครับ อะเรื่องนึงที่ผมได้เยอะเลยคือเรื่องของมารยาท อย่างน้อย ๆ เวลาที่เราทำงานหรือประชุมเนี่ย เราจะได้เห็นเยอะมากครับในเรื่องของมารยาทว่าอะไรควรไม่ควร แล้วก็รู้ว่าอันไหนพูดต่อหน้าคนได้ อันไหนต้องเก็บไว้ก่อน แถมได้เห็นมุมมองของคนที่อายุแตกต่างจากเราในหลายๆ เรื่องด้วย
เต็ง ส่วนตัวมันสอนให้เราเห็นว่า เราทำอะไรได้บ้าง แล้วชี้ให้เห็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ โอเคทุกคนอาจจะตั้งคำถามว่าทำไม่ได้ เคยลองทำรึยัง ถ้าได้ลองมันอาจจะทำได้ดีก็ได้ คือจะมองแบบนั้นก็ได้ครับ แต่การทำงานในสายงานนี้มันสอนให้เราประมาณความสามารถตัวเองมากกว่า
อ๊อบ ของพี่น่าจะเป็นเรื่องเวลาครับ อย่างพี่ทำงานกับพี่สิงโต ซึ่งทำมานานมากแล้วนะระดับ 10 ปี ซึ่งช่วงแรกๆ พี่ยอมรับเลยว่าไม่ชินกับการอยู่ในสังคมที่เขาตรงต่อเวลาจริงๆ มันต้องปรับตัวพอสมควรเลยนะ เพราะช่วงแรกๆ พี่นี่ขึ้นรถตู้เลท ทำอะไรช้า เรารู้สึกว่าเราทำให้ทีมงานทำงานยากขึ้น เลยปรับตัวเรื่องของเวลา อีกอันน่าจะเป็นการทำงานกับคนอื่น พี่รู้สึกว่าการทำงานในวงการดนตรี เล่นกับวงดนตรี ทำงานกับศิลปิน มันก็ใช้คำว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมได้จริง ๆ อะ คือมันต้องทำงานกับคนอื่น ก็ต้องมีการแชร์กัน มีการให้เกียรติกันงี้ครับ ถึงจะอยู่ได้
หมิง สำหรับผมความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญฮะ จริง ๆ ความรับผิดชอบทุกเรื่องเลยนะฮะ หมายถึงว่าเก็บเพลงมา มาตรงต่อเวลาอย่างที่พี่อ๊อบบอก มันสำคัญมาก ๆ มันสอนสิ่งนั้นมาครับ เรื่องนี้ซีเรียสเลย
ฝากคำว่ารัก ให้ถึงแฟนคลับ
เต็ง หัวข้อนี้ต้องพี่อ๊อบก่อนเลย
อ๊อบ พี่รู้สึกมาตลอดว่าต้องขอบคุณแฟนคลับมากๆ ขอบคุณแฟนคลับของ di age ที่เข้ามาคอนเมนต์ในโซเชียลทั้งหมดเลย ส่วนตัวพี่อ่านทุกอันเลยครับ แล้วก็ดีใจเสมอที่แฟนคลับยังเชียร์เราอยู่ ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ
สไปรท์ ฝากถึงแฟนคลับทุกคนนะครับ อยากให้ทุกคนติดตาม di age ต่อไป ปีนี้พวกเราจะทำอะไรที่สนุกกว่าเดิม แล้วก็จะเห็นมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น จริงๆ ต้องขอบคุณตั้งแต่วินาทีแรกที่เลือกเปิดฟังเพลงของ di age เลยครับ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาและอยากให้อยู่ด้วยกันต่อไปครับ (หัวเราะ)
เต็ง หลักๆ เลยอยากขอบคุณแฟนคลับที่ซัพพอร์ตกันมา ที่ตามไปดู ซื้อของกินมาให้ ไม่ว่าเราจะทำงานที่ไหน หรือคนใดคนหนึ่งจะแยกไปทำงานที่ไหนก็ตาม เราได้รับการตอบรับที่ดีเสมอ รู้สึกขอบคุณมากครับ ติดตามกันต่อไปนะ มีอะไรใหม่ๆ ให้ฟังตลอดแน่นอน
หมิง สึกขอบคุณที่ยังฟังเพลงพวกเราอยู่ รวมถึงเพลงเก่า ๆ ของพวกเราด้วยนะ ที่ปล่อยตั้งแต่ก่อนมาอยู่ค่ายอะครับ ยังมีหลายคนเลยครับที่พูดถึงแล้วก็ฟังอยู่ ขอบคุณมากๆ ที่ไม่ลืมเพลงเหล่านั้นเลย อย่าลืมมาฟังเพลงใหม่ๆ ด้วยนะครับ
รอ ฉันรอแค่เพียงคำเดียวจากเธอเท่านั้น อยากขอพรจากฟ้า ให้เธอบอกรักฉันที
ฝากเพลงหวานร้อย เพลงใหม่จากพวกเรา di age และพี่ตั้งด้วยนะครับ ตอนนี้สามารถรับชมรับฟังได้แล้วในทุกๆ ช่องทางสตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Youtube, Spotify, Apple Music และ Joox ได้ทุกช่องทางแล้ว อย่าลืมไปฟังกันนะครับ (ปรบมือ)