ทุกครั้งที่ได้ออกเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด เรามั่นใจเสมอว่า ทุกพื้นที่ย่อมมีร้านอาหารรสชาติสไตล์ท้องถิ่นแท้ที่ยังไม่ถูกจัดว่าเป็นแลนมาร์กที่ ‘ต้องมา’ สำหรับนักท่องเที่ยว

คอลัมน์อาหารการกินวันนี้ เราจึงพามาตะลุยฝากท้องกันที่ย่านท่าวัง-ท่ามอญ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยร้านอาหารที่จะชวนทุกคนไปรู้จักกันในครั้งนี้ ไม่ใช่ร้านอาหารคาว ไม่ใช่ร้านอาหารใหญ่โตหรูหรา แต่เป็นร้านของหวานเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในตรอกท่ามอญ ที่มีลูกค้าเข้าออกไม่ขายสาย จนเราอยากปักพิกัดให้ทุกคนลองตามไปชิมร้านนี้กันสักครั้งหนึ่ง

ร้านไอศกรีมเด่นไทย ร้านไอศกรีมในตำนานที่เปิดมานานกว่า 66 ปี จนเรียกได้ว่าไม่มีใครในเมืองนครฯ ที่จะไม่รู้จักชื่อเสียงและรสชาติไอศกรีมกะทิสดของร้านนี้ ไอศกรีมเด่นไทยเป็นธุรกิจครอบครัวที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งรุ่นที่รับช่วงต่อคือรุ่นสอง และมีรุ่นที่สามอย่าง ผึ้ง-พัชรีรัตช์ วัฒนพงศารัตน์ กำลังเริ่มเรียนรู้งานของที่บ้านแล้ว ผึ้งเป็นลูกเจ้าของร้านไอศกรีมเด่นไทย โดยเจ้าของร้านหรือคุณพ่อของผึ้ง นับเป็นทายาทรุ่นที่สองของร้านไอศกรีมเด่นไทย 

ก่อนที่ผึ้งจะมานั่งพูดคุยกับเรา เธอต้องเตรียมไอศกรีมให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย มีทั้งแบบที่นั่งกินที่ร้านและแบบโทรมาสั่งแล้วรอรับกลับไปกินกันที่บ้าน ขณะที่รอพูดคุยกับแม่ค้าที่ขายดิบขายดี เราเองก็ได้ลองชิมไอศกรีมในตำนานของเมืองนครฯ เป็นครั้งแรก บอกได้คำเดียวเลยว่าอร่อยจนอยากสั่งเพิ่มอีกลูก ไอศกรีมกะทิเข้มข้นที่หวานกำลังพอดี ผสมผสานกับเครื่องเคียงอย่างเม็ดบัวที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทำให้ไอศกรีมของที่นี่ไม่เหมือนใครจริงๆ 

หลังไอศกรีมเกลี้ยงถ้วย ผึ้งก็สะดวกมานั่งคุยกับเราพอดี วันนี้คอลัมน์อาหารการกินจะพามารู้จักร้านในตำนานของเมืองนครฯ ให้มากขึ้น ตั้งแต่การทำร้านไอศกรีมเด่นไทย จนไปถึงเอกลักษณ์ของร้าน เผื่อใครสนใจเก็บร้านไอศกรีมเด่นไทย เข้าไปเป็นอีกหนึ่งลายแทงสำหรับการมาเที่ยวเมืองนครฯ กันด้วย

จากรถเข็นสู่ร้านหน้าบ้าน

เราเปิดร้านตั้งแต่สมัยอากงอาม่ามาประมาณ 66 ปีแล้วค่ะ เราทำกันมารุ่นสู่รุ่น ซึ่งเริ่มจาการุ่นอามกงอาม่าของเราก่อนแล้วคุณพ่อจึงรับช่วงช่วงต่อ ซึ่งเราเองก็รับช่วงต่อจากพ่อด้วย เมื่อก่อนเคยเป็นร้านไอศกรีมโบราณเล็กๆ ที่ขายอยู่หน้าวิทย์นครชัย (จ.นครศรีธรรมราช) แล้วจึงค่อยมาขายที่นี่ (ตรอกท่ามอญ) ซึ่งสมัยก่อนเป็นไอศกรีมโบราณที่เอามาปั่นขายแบบนี้เหมือนกัน แต่สมัยนั้นเป็นการขายแบบ ขายรถเข็นค่ะ สมัยที่เป็นรถเข็นจะต้องไปตั้งร้านเอาเองตรงลานขาย แต่ร้านนี้เริ่มเปิดตอนที่เราเกิดพอดีค่ะ  ซึ่งตอนนี้เราอายุ 36 แล้ว ดังนั้นร้านนี้ก็อยู่กับเรามา 36 ปีแล้วค่ะ ร้านนี้เป็นร้านที่มีตั้งแต่รุ่นของพ่อผึ้ง เพราะรุ่นก่อนหน้านี้เค้าจะเข็นรถไปขายที่หน้าวิทย์นครชัยกันค่ะ แต่พอมาเป็นรุ่นพ่อ พ่อเลยเลือกที่จะตั้งร้านอยู่ที่บ้านแทน เพราะสะดวกกว่า แล้วลูกค้าก็มานั่งรับประทานได้ด้วย

เอกลักษณ์ของร้านไอศกรีมเด่นไทย

จากที่อาม่าเคยเล่าให้ฟัง ท็อปปิ้งสมัยก่อนที่ใช้ก็มี ลูกชิด ลูกเกด เม็ดบัว พุทรา และมันเชื่อมค่ะ เมื่อก่อนมีหลายอย่างมาก แต่การตอบรับจากลูกค้าส่วนใหญ่เขาจะชอบแค่ลูกเกด ลูกชิด เม็ดบัว และพุทรา พอมาถึงรุ่นเรา เราเลยปรับให้เหลือแค่สามอย่าง เพราะเม็ดบัวเป็นที่นิยมมากกว่า ซึ่งระยะหลัง ๆ เราลองเอาพุทรามาลองขายด้วย ตอนแรกลูกค้าก็กลัวว่าจะหวานไปหรือเปล่า แต่สุดท้ายพอลองชิมดูเขาก็ชอบนะคะ ซึ่งพุทราเราเอามาต้มเองทุกกรรมวิธี รสชาติกำลังดี ไม่หวานจนเกินไปแน่นอนค่ะ  อย่างเม็ดบัวเราก็ต้องทำตั้งแต่การคัดเลือกเม็ดบัว นำมาแกะแล้วมาต้มเอง ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ก็คัดมาจากเยาวราชที่นำเข้ามาจากประเทศจีนอีกทีหนึ่งค่ะ และที่ต้องเป็นวัตถุดิบจากของจีน เพราะวัตถุดิบบางสายพันธุ์ของไทยและจีนมีความแตกต่างกัน เช่น สายพันธุ์บัวในไทยจะให้เม็ดเล็ก แต่ส่วนสายพันธุ์ของจีนจะให้เม็ดใหญ่กว่า และมีรสชาติที่ดีกว่าด้วยค่ะ

อีกเอกลักษณ์ของเราคือ การทำไอศกรีมจากกะทิสดเลยที่ปั่นวันต่อวัน ต้องย้ำว่าเราปั่นไอศกรีมกันแบบวันต่อวันเลย เราจะไม่เว้นช่วง 3-4 วันแล้วค่อยปั่น เพราะเราอยากให้เกิดความมั่นใจว่าสดแน่นอน เพราะว่าลูกค้าเห็นเลยว่า เครื่องปั่นเเป็นแบบไหน เพราะมีอยู่หลายครั้งลูกค้าก็มักถามว่า ไอศกรีมแบบนี้ที่ร้านไปรับจากที่ไหนมาขาย ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่ได้รับมา เพราะเราทำเองทั้งหมดเลย นี่เลยเป็นในหนึ่งเหตุผลที่เราตั้งเครื่องปั่นเอาไว้หน้าร้าน ลูกค้าจะได้เห็นว่าเราปั่นเองจริงๆ ปั่นสดทุกวันด้วยค่ะ ซึ่งสูตรที่ใช้ในการปั่นไอศกรีมก็ปรับตามรุ่นที่รับช่วงต่อ เราเป็นรุ่นของพ่อแม่ที่ต่อจากอากงอาม่า ก็จะมีปรับสูตรไปบ้าง แต่ยังคงเอกลักษณ์ของเราไว้อยู่ ที่มีความสดใหม่ ไม่หวานเกินไป ใช้วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพและราคาไม่แพงด้วย

ลูกค้าทั่วไทย

เรามีลูกค้าประจำเยอะมาก บางทีลูกค้ามาจากต่างจังหวัดด้วย หลายคนเขาอยากเอากลับไปกินที่กรุงเทพฯ ซึ่งเขาก็ถามว่าเรามีจัดส่งข้ามจังหวัดไหม ซึ่งตอนนี้่เราเองยังไม่มีระบบขนส่งนั้น ลูกค้าเลยต้องพึ่งการขนส่งทั่วไปที่เขามีตู้แช่ให้แทนค่ะ ยังคงต้องให้ลูกค้าซื้อจากที่ร้านเรา แล้วนำไปส่งกลับบ้านเองค่ะ เพราะตอนนี้ของทางเราเองยังไม่ได้ทำส่วนนี้เลย  

วันธรรมดาเราเปิดจันทร์ถึงเสาร์ ตั้งแต่ 09.30 – 13.30 ค่ะ แต่ช่วงเที่ยงก็จะเริ่มหมดแล้วเพราะคนโทรมาสั่งไว้ล่วงหน้าก็เยอะเลยค่ะ แต่วันเราก็จะเปิดร้านแค่เฉพาะวันที่เป็นตลาดท่าวังท่ามอญค่ะ (ตลาดท่าวังท่ามอญจัดเฉพาะวันอาทิตย์ที่ 1 และอาทิตย์ 3 ของเดือน) แต่ถ้าไม่มีตลาดก็จะหยุดพักค่ะ แม้จะหยุดพักแต่ก็ยังทำไอศกรีมรอเพื่อที่จะขายวันถัดไป เพราะว่าเป็นการปั่นวันต่อวันอยู่แล้วค่ะ ซึ่งลูกค้าที่เดินตามตลาดท่าวังท่ามอญ เขาก็จะถือถ้วยไอติมเดินกิน เดินชมดูของกินกัน เราเองก็อยากให้มีตลาดเปิดไปนาน ๆ เหมือนกันค่ะ

สำหรับท่านใดที่อยากมาเที่ยวที่ท่าวัง-ท่ามอญ ผึ้งดีใจที่มากันนะคะ ถ้ามาแล้วก็อยากให้ได้มาลองชิมไอศกรีมของร้านเราดูก่อนค่ะ แม้ว่าจะเป็นกิจการร้านเล็ก ๆ ก็ตาม และเป็นกิจการของคนในครอบครัว แต่เราบริการด้วยใจเสมอ และก็ไอศกรีมทุกก้อนที่เราปั่นขาย เราทำมาจากกะทิสดจริงๆ ไม่ทำเอาไว้ขายเผื่อวันใหม่ ไม่มีการค้างคืนแน่นอนค่ะ และเม็ดบัวที่ซื้อมา เราก็ทำการคัดเลือกเม็ดบัวอย่างดี เพราะเราอยากให้ลูกค้าได้กินแต่ของที่มีคุณภาพค่ะ รับรองว่าหากได้ชิมจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

ความพิถีพิถันและความสุขของครอบครัวไอศกรีมเด่นไทย

ในอนาคตคาดว่าจะมีสูตรอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาเหมือนกัน เราไม่หยุดพัฒนาค่ะ แต่เราต้องดูหลาย ๆ อย่างที่เยาวราชว่าอะไรที่มาทำเป็นท็อปปิ้งแล้วน่าสนใจขึ้นได้บ้าง ที่ไม่ได้มีแค่ท็อปปิ้งจากเม็ดบัวและพุทรา เราอยากให้มีอย่างอื่นเข้ามาเสริมด้วยค่ะ ที่เราพิถีพิถันแม้เป็นไอติมถ้วยเล็กๆ ขนาดนี้เพราะเราแค่คิดว่า ขนาดตัวเราเองก็ยังอยากกินของอร่อยค่ะ พอคิดแบบนั้นแล้ว เราเลยอยากจะคงความดั้งเดิมบางส่วนของอากงอาม่าไว้ พร้อมกับพัฒนาสูตรอยู่เสมอ เพื่อให้คนรสชาติดีขึ้น ราคาไม่แพง เข้าถึงได้ทุกวัย และลูกค้าทุกคนสามารถจับต้องได้ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ของผึ้งรับช่วงต่ออยู่ค่ะ ซึ่งตอนนี้พ่อกับแม่ก็เริ่มปล่อยให้เราทำต่อแล้ว

เราเองก็อยากส่งต่อให้ลูกๆ หลานๆ นะคะ เพราะแม้ว่านี่จะเป็นกิจการครอบครัว แต่เราก็อยากจะให้กิจการครอบครัวที่มีเอกลักษณ์แบบนี้มันอยู่ไปยาว ๆ เพราะเรายังอยากให้ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านนี้ ให้ได้ส่งทอดความอร่อยสู่ลูกค้ารุ่นต่อๆ ไปด้วยค่ะ เพราะความสุขของเราคือ การได้เห็นลูกค้าทุกคนที่มาอุดหนุนเขาชอบไอติมที่นี่ เราดีใจที่อย่างน้อยลูกค้าได้กินของดี ๆ และเขาก็ชื่นชอบด้วยราคาไม่แพง เราไม่อยากขายของที่มีราคาสูงจนทุกคนจับต้องไม่ได้ อยากให้ทุกคนได้ลองมากินไอติมที่นี่ด้วยเหมือนกันค่ะ เพราะว่ารสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนที่นี่อยู่แล้ว ไอศกรีมเด่นไทยรสชาตินี้จึงหาได้แค่นี้ที่นครศรีธรรมราชเท่านั้นค่ะ

Contributors

เด็กมนุษย์ฯ ผู้ชื่นชอบการออกไปเดินเที่ยวคนเดียว เอนจอยกับการเต้นและการกิน ปัจจุบันกำลังพยายามใช้ชีวิตแบบ Slow Life อยู่

นักเล่าเรื่องที่ใช้ตัวอักษรเป็นเครื่องมือและศรัทธาในพลังของงานเขียน ผู้ชอบตัวเองตอนนั่งสัมภาษณ์ผู้คนที่สุด