ไอเทมประจำตัวของเกมเมอร์หลายๆ คนที่เล่นเกมแนว FPS หรือเกมยิงปืน หรือแม้แต่เกมแนวอื่นๆ นอกจากคอม เก้าอี้ โต๊ะ ปลั๊กไฟ อินเทอร์เน็ต สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ก็คือ “เมาส์ และคีย์บอร์ด” โดยเฉพาะปุ่มสำคัญบนคีย์บอร์ดที่เกมเมอร์ใช้เป็นประจำก็ต้องเป็น “WASD” ที่ใช้ในการบังคับการเคลื่อนไหวของตัวละคร แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้ WASD ไม่ได้เกิดขึ้นมาเฉยๆ หรือเกิดขึ้นจากผู้พัฒนาเกมโดยตรง แต่เกิดขึ้นจากชายคนหนึ่ง ที่มองหาโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งเกม จนนำมาสู่ความสำเร็จของตัวเอง และเขาไม่รู้ตัวว่าสิ่งเล็กๆ นี้ กำลังจะพลิกโฉมวงการเกมไปตลอดกาล…

ชายคนนั้นคือ “Dennis Fong”

Michael Jordan of Gaming

Dennis Fong ชาวอเมริกัน-ฮ่องกงผู้เทิร์นสู่การโปรเพลเยอร์เกม Quake (1996) ตั้งแต่วัย 18 ปี ซึ่งเกมเมอร์หลายคนต่างยกย่องว่าเป็น Michael Jordan (ตำนานนักกีฬาบาสเก็ตบอล) แห่งวงการอีสปอร์ต ด้วยฝีมือและประสบการณ์การแข่งขันมานับไม่ถ้วน เขาไม่เพียงแต่พัฒนาฝีมือและสกิลการเล่นของตัวเองเพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งสิ่งที่ Dennis Fong มองเห็นและพยายามค้นหามันคือ รูปแบบการเล่นและการตั้งค่าปุ่มบนคีย์บอร์ดนั่นเอง

จุดเริ่มต้นของการค้นพบปุ่ม WASD ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 เขาประสบปัญหาการเล่นเกม Doom (1993) กับ Lyle Fong น้องชายของเขา ปัญหาที่ว่านี้ คือเขาแพ้บ่อยเกินไป! ซึ่งอุปกรณ์หลักที่ผู้เล่นเกม Doom รวมถึงเกม FPS อื่นๆ ในยุคนั้น มีแค่คีย์บอร์ดในการบังคับตัวละคร เคลื่อนไหวกล้อง เลือกอาวุธ ทั้งหมดนี้ต้องกดในแป้นเดียว

ลองนึกภาพถ้าเราย้อนกลับไปในยุคที่เวลาเราจะเล่นเกม FPS แล้วมือขวาอยู่บนปุ่มลูกศร แล้วมือซ้ายอยู่บนปุ่ม 1, 2, 3 เพื่อเลือกอาวุธ แถมต้องสลับมากดปุ่มอื่นเพื่อเปลี่ยนมุมมองของกล้องอีกต่างหาก คงเป็นเรื่องยากน่าดูที่ต้องยกมือกดปุ่มทั่วแป้น เพราะแค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

แต่อย่างดีหน่อยบางคนอาจมี Trackball ซึ่งมีหลักการคล้ายกับเมาส์ โดยจะมีลูกกลิ้งขนาดใหญ่ในการเลื่อน และมีปุ่มกดฟังก์ชันทั้ง 4 ด้านของลูกกลิ้ง แต่ Dennis Fong กลับทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น นั่นก็คือการใช้เมาส์ควบคู่ไปกับการปรับตั้งค่าคีย์บอร์ดการบังคับตัวละครในเกมให้เป็น WASD

แต่เดิมที รูปแบบการกดปุ่มมีอยู่หลายแบบ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของผู้เล่น หรือการตั้งค่าเริ่มต้นของเกมนั้นๆ ด้วย เช่น ปุ่ม Arrow Keys ซึ่งเป็นปุ่มลูกศรปกติที่เป็นอันรู้กันว่าใช้ในการบังคับตัวละคร หรือ ปุ่ม ESDF ที่ใช้กับเกม Crossfire (1981) หรือ DCAS ที่ใช้กับเกม Marathon (1994) เป็นต้น 

การค้นพบปุ่ม WASD และเมาส์คู่ใจของเขา ทำให้เขาไม่แพ้ใครอีกเลย เขาทรงพลังดั่ง Ferrari ที่กำลังจะได้ Ferrari ของจริงในอีกไม่ช้า…

ทรงพลังดั่ง Ferrari

(ภาพจากเกม Quake)

ในปี 1997 มีการแข่งขัน eSport ครั้งสำคัญและเป็นหนึ่งในอีเวนต์ประวัติศาสตร์ของการแข่ง eSport จนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือ Red Annihilation การแข่งขันเกม Quake ที่มีผู้เข้าร่วมรายการนี้กว่า 2,000 คน เป็นการแข่งขันแบบออนไลน์และหาผู้เข้ารอบสุดท้ายจำนวน 16 คน ซึ่งรางวัลสำหรับผู้ชนะรายการนี้ ไม่ใช่เงินก้อนโต ไม่ใช่ขนมปี๊ป

แต่เป็นรถยนต์ Ferrari รุ่น 328 สีแดงของ John Carmack ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกม Quake นั่นเอง!

ใครก็ตามที่เห็นรางวัลอันทรงพลังขนาดนี้ ก็ต้องตาลุกวาวกันเป็นแถบ ไม่เว้นแม่แต่ Dennis Fong หนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันนี้ที่สามารถเอาชนะผู้เล่นหลายคน จนพาตัวเองเข้าไปสู่รอบสุดท้ายที่จะต้องมาประชันกันแบบออฟไลน์ หรือแบบเจอกันตัวจริงกันที่งาน E3 ซึ่งเป็นงาน Expo ด้านวิดีโอเกมระดับโลกที่จัดขึ้นทุกปี (แต่ปัจจุบันนี้เขาไม่จัดแล้ว เศร้า)

การแข่งขันมาถึงรอบสุดท้ายที่ต้องตัดสินหาผู้ชนะระหว่าง Dennis Fong ซึ่งใช้ชื่อในเกมว่า “Thresh” กับ Tom Kimzey ซึ่งใช้ชื่อในเกมว่า “Entropy” ด้วยประสบการณ์ ฝีมือ ปุ่ม WASD และเมาส์ของ Dennis Fong ทำให้เขาเอาชนะคู่แข่งได้สำเร็จ และได้รถ Ferrari ของผู้พัฒนาเกมไปครอบครอง

ทันทีที่เขาได้รถ ความฮาก็ได้บังเกิดขึ้น เพราะ Dennis Fong ไม่สามารถขับรถที่ตัวเองได้มาจากการชนะการแข่งได้ เนื่องจากค่าประกันภัยของรถ Ferrari แพงกว่ารถยนต์ทั่วไปเป็นหลายเท่า เขาไม่ได้มีเงินมากพอที่จะทำประกันภัยรถสปอร์ตซิ่งคันนี้ แต่โชคยังดีที่ John Carmack ช่วยจ่ายค่าประกันภัยรถให้ ทำให้เขาได้ขับรถ Ferrari สำเร็จ

ปุ่มเปลี่ยนโลก

“ผมจะไม่สถาปนาตัวเองว่าเป็นคนคิดค้นปุ่ม WASD แน่นอน เพราะผมปรับแต่งปุ่มที่ว่ามานี้ ก็เพื่อความสะดวกสำหรับผู้เล่นแต่ละคน”

คือคำกล่าวของ Dennis Fong ที่ไม่ได้มองว่าเป็นเพียงความสำเร็จของตัวเองเพียงอย่างเดียว เพราะหลังจากนั้น เกมเมอร์หลายคนก็เริ่มนำปุ่ม WASD และเมาส์ตามสไตล์ของ  Dennis Fong  มาใช้ในเกมมากขึ้น รวมไปถึงผู้พัฒนาเกมก็เริ่มนำปุ่มที่ว่านี้มาใช้ โดยเกมแรกที่เริ่มมีการนำปุ่ม WASD และเมาส์มาใช้เป็นค่าเริ่มต้น นั่นก็คือ Half-Life (1998) เกม FPS ที่หลายๆ คน ยกให้เป็นเกมรากฐานของ FPS ในหลายๆ เกม ซึ่งปุ่ม WASD ไม่ได้ใช้แค่ในเกม FPS เพียงอย่างเดียว แต่ยังไปไกลถึงเกม MMORPG อย่าง World of Warcraft (2004) หรือเกม MOBA อื่นๆ ที่ใช้ปุ่ม 4 ปุ่มในการเคลื่อนมุมกล้อง

Why WASD?

สาเหตุที่ปุ่ม WASD กลายเป็นที่นิยมและเป็นปุ่มค่าเริ่มต้นในแทบทุกเกมคืออะไรกันนะ?

เชื่อว่าคนที่เล่นเกมเป็นประจำก็น่าจะรู้คำตอบดี แต่คนที่ไม่ได้เล่นเกมแล้วกำลังอ่านบทความนี้บนคอมพิวเตอร์อยู่ อยากให้ลองเอามือซ้ายมาวางไว้ที่ปุ่ม WASD ส่วนมือขวาจับเมาส์ แล้วจะพบว่าเป็นท่าและตำแหน่งที่เข้ามือและถูกสรีระมากที่สุด 

แต่อย่าลืมว่าเกม FPS นอกจากจะต้องบังคับตัวละครแล้ว ยังต้องกดปุ่มอื่นๆ อีกด้วย เช่นการกดปุ่มเลข 1, 2 หรือ 3 ในการเปลี่ยนอาวุธ กดปุ่ม Spacebar เพื่อกระโดด หรือกดปุ่ม Shift เพื่อวิ่ง อยากให้ผู้อ่านวางตำแหน่งของมือซ้ายไว้ที่ปุ่ม WASD เหมือนเดิมแล้วลองขยับแค่นิ้วไปที่ปุ่มอื่นๆ ที่กล่าวข้างต้น ก็จะพบว่าสามารถขยับนิ้วไปกดปุ่มอื่นได้สบาย โดยที่ตำแหน่งของมือแทบจะไม่ต้องขยับไปไหน

นี่คือคำตอบสำหรับคำถามที่ว่ามานี้

เมื่ออ่านจบถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าเกมเมอร์หลายๆ คน รวมไปถึงผู้เขียนด้วย ต้องอยากขอบคุณเขา ที่คิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมา แม้เจ้าตัวเองไม่อยากให้เครดิตกับตัวเองว่าเป็นผู้คิดค้น เพราะมันเป็นเพียงแค่การปรับแต่งเพื่อทำให้ตัวเองเล่นเกมได้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ปุ่ม WASD มันคือสิ่งที่พลิกโฉมวงการเกม FPS และเกมประเภทอื่นๆ ไปตลอดกาล เพราะ

Everything is Design, Design is Everything

ที่มา

PCGAMER

TechnoPixel

TWiT Tech Podcast Network

อาร์ตไดผู้รักงานออกแบบที่เขียนคอนเทนต์ได้นิดหน่อย ชอบเล่าตัวเลขและข้อมูลด้วยภาพ ชอบกินเส้นมากกว่าข้าว ชอบดูหนัง ชอบแมว และชอบเธอ