อาย (สิงโต นำโชค) cover by “P’Boy and N’Palm” ในวันนั้น สู่ “Chilling Sunday” ในวันนี้

เจ้าแม่เพลงเศร้าที่เปิดฟังกี่ครั้งก็หมดทิชชู่ไปเป็นม้วน

คนเก่าเขาทำไว้ดี, แค่คิดก็ผิด, ไม่น่าไปรักเธอเลย และอีกหลายๆ เพลงที่แค่ได้ยินอินโทรน้ำตาก็ไหลมารอแล้ว วันนี้เรามีโอกาสได้คุยกับ Chilling Sunday วงที่ตั้งไข่จากการเป็นดูโอ้ร่วมสถาบัน จนได้มาเป็นศิลปินแบบงงๆ ประกอบไปด้วยสมาชิกอย่าง บอย-กรรกฎ แก้วพระคงคา (กีตาร์) และ ปาล์ม-อาทิชา สว่างไสว (ร้องนำ)

“Chilling Sunday” ที่เพลงไม่ได้ชิลอย่างชื่อวง แต่กลับเป็นผลงานที่ฟังแล้วดิ่งดาวน์ เหมือนมาขุดลึกบาดแผลในใจให้บอบช้ำไปยิ่งกว่าเดิม แต่ในวันนี้ ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องพลิกผันบทบาท จากเจ้าแม่เพลงเศร้าสู่บทเพลงใหม่อย่าง “ละครคุณธรรม” ที่ฉีกสไตล์เพลงจากที่พวกเขาเคยทำมา ติดตามเรื่องราวโค้งสุดท้ายของพวกเขาผ่านบทความนี้กันได้เลย!

ทั้งสองคนมาเจอกันได้ยังไง

บอย : ต้องย้อนกลับไปสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

ปาล์ม : นานไป (หัวเราะ) ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย’ ด้วยกัน เรารู้จักกันเพราะเรียนคณะเดียวกัน แล้วก็อยู่ชมรมดนตรีด้วยกัน เลยมีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน 

บอย : คณะเรามันมีละครเวทีคณะ ทำให้มีฝ่ายที่ทำเพลงประกอบละครเวทีด้วย ผมในตอนนั้นเป็นประธานฝ่าย เลยต้องคัดเลือกนักร้องมาทำเพลงประกอบ เลยได้คัดให้น้องปาล์มมาเป็นนักร้อง ร้องเพลงประกอบละครเวทีเพลงหนึ่งในปีนั้น เพราะว่าน้องปาล์มสวย (หัวเราะ)

ตำนานคัฟเวอร์เพลง อาย-สิงโต นำโชค อะไรทำให้ตอนนั้นนึตัดสินใจถ่ายคลิปลงบน YouTube

ปาล์ม : เอาจริงๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย ทำเพราะว่างตรงกัน พี่บอยเลยชวนมาทำคลิปร้องเพลงเล่นกัน ตอนนั้นเป็นช่วงที่เขาฮิตเล่นโซเชียลแคม (Socialcam) กัน  เราเลยลองร้องเล่นๆ ซึ่งบังเอิญว่ามันไปลิงก์กับ YouTube พอดี ก็เลยกลายเป็นไวรัลในตอนนั้น เป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า

บอย : มันเป็นไวรัลเพราะว่า ตอนนั้นมีเพจฟุตบอลชื่อเพจว่า “SoccerSuck” เขาเอาคลิปนั้นของเราไปลง คนพูดถึงกันเยอะและตามมาดูต่อกันในยูทูปเยอะมาก

ปาล์ม : พอมีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น เลยลองคุยกันดูว่า งั้นเรา cover กันต่อไปดีไหม 

บอย : ก่อนหน้านั้นเรายัง cover เพลงด้วยชื่อว่า ปาล์ม&บอย กันอยู่เลย แต่พอได้คัฟเวอร์เพลง “อาย” ของสิงโต นำโชค มันดังขึ้นมา เราก็เลยชวนกันมาทำเป็นอาชีพเลย

ที่มาของชื่อวง Chilling Sunday 

ปาล์ม : ตอนนั้นพอเราเริ่มอยากทำงานตรงนี้จริงจัง ก็เริ่มมีคนมาดูคลิปเราเยอะขึ้น พี่บอยเลยบอกว่า งั้นเราตั้งชื่ออะไรก็ได้ขอแค่มีคำว่า “Sunday” เลยคิดว่ามีอะไรที่เข้ากันที่สุด ก็เลยได้ “Chilling Sunday” ตอนนั้นเราคิดชื่อง่ายๆ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ 

บอย : ตอนแรกปาล์มตั้งมาให้ 2-3 ชื่อเลย แต่สุดท้ายเราเป็นวงที่เล่นสบายๆ งั้นก็ใช้คำว่า Chilling มาผสมกับคำว่า Sunday แต่ความหมายดันแปลตรงข้ามกับความหมายที่เราอยากได้ เพราะ Chilling Sunday แปลว่า ขนลุกเพราะกลัวผี (หัวเราะ)

ในช่วงที่ cover เพลงกัน ได้คิดไหมว่าอยากเป็นศิลปิน Duo หรือเป็นศิลปินจริงจัง

บอย : ไม่ครับ ไม่เลย

ปาล์ม : ไม่เคยคิดเลย เพราะเราไม่คิดว่าคลิปของเรามันจะไวรัลด้วย เพราะถ้าคิดคงทำให้มันดีกว่านี้ (หัวเราะ) ต้องบอกว่าถ้าย้อนกลับไปช่วงนั้น มันเป็นจังหวะที่ดีของเราด้วย เพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีคนทำเพลง cover มากนักในโซเชียลมีเดีย แล้วก็การที่จะได้เป็นศิลปินในตอนนี้ก็มีโอกาสยากกว่าเมื่อก่อน เพราะช่องทางโซเชียลตอนนี้มีเยอะ ปาล์มเลยมองว่าเด็กสมัยนี้เก่งมากๆ

ยังจำความรู้สึกตอนที่ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกได้อยู่มั้ย

บอย : ครั้งแรกยังไม่ได้เข้ามาใน Tero เลย 

ปาล์ม : ตอนนั้นยังเป็นวง cover ที่อยู่ๆมีคนติดต่องานเข้ามา เป็นงานที่สกลนคร

บอย : เป็นงานที่ผมไม่รู้ว่าจะคิดค่าตัวยังไง “งั้นเอางี้ 2 คน 3,500 แล้วกันพี่” เขารีบคอมเฟิร์มอย่างไวเลย 

ปาล์ม : โคตรน้อยเลย ไม่ปรึกษาด้วย (หัวเราะ)

ปาล์ม : ไปเล่นกันแบบไม่ได้มีสกิลอะไรเลย เพราะตอนนั้นไม่ได้เจนกับเวทีเลย

บอย : แต่คนเต็มร้านเลยนะ

ปาล์ม : ตอนนั้นก็มีคนรู้จักเราจากเพลง cover อยู่บ้าง ก็ถือว่าสนุกดีค่ะ

จุดเปลี่ยนจากเพลงเศร้า สู่เพลงรักสดใสอย่างเพลงล่าสุด “ละครคุณธรรม”

ปาล์ม : จริงๆ เราเปลี่ยนตั้งแต่อัลบั้มล่าสุดแล้วค่ะ อัลบั้ม “Across” เพลงละครคุณธรรมเองก็อยู่ในอัลบั้มนี้ เราตั้งใจทำอัลบั้มนี้ให้มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะว่าอัลบั้มนี้จะเป็นมีดนตรีและเนื้อร้องหลายๆ สไตล์ที่เรายังไม่เคยทำในอัลบั้มก่อน เราอยากลองทำดู ซึ่งปกติแล้วปาล์มเป็นคนร้องมาตลอดในทุกๆ เพลง แต่เพลงนี้เลยอยากให้พี่บอยได้เฉิดฉายบ้าง  

บอย : ซิงเกิลอีก 6 เพลงที่เหลืออาจจะเป็นเพลงแนวใหม่ๆก็ได้ ต้องรอดูกันครับ

ทำไมถึงต้องเป็น “ละครคุณธรรม”

ปาล์ม : มันมาจากคอนเซ็ปต์ที่พี่แม็กคิดขึ้นมา แต่งเป็น hook สั้นๆ แล้วพี่บอยชอบ ก็เลยให้พี่บอยลองดู ซึ่งพี่บอยก็รู้สึกว่าเพลงนี้มันน่ารักดี พอได้ฟังเพลงเต็มแล้วก็รู้สึกว่า ถ้าเป็นพี่บอยร้องมันน่าจะดีกว่า 

บอย : แค่มีชื่อเพลง มันก็ทำให้ผมมีไอเดีย มีภาพและ MV เข้ามาในหัว แค่เพราะคำว่า “ละครคุณธรรม” ผมเลยขอร้องเพลงนี้เองด้วย เพราะผมรู้สึกว่า เพลงนี้มันน่าจะเอาไปทำในแนวกวนๆ ได้ 

เห็นว่าบอยแสดง MV เองเลย และได้ “ดิม TATTOO COLOUR” มาแสดงด้วย

บอย : คุณดิมเป็นเพื่อนในคณะของผม เราสนิทกันและเขาก็เป็นพี่ในคณะของน้องปาล์มด้วย

ปาล์ม : จริงๆ พี่ดิมเป็นรุ่นพี่ตั้งแต่อยู่โรงเรียนเลยด้วยซ้ำ พอมี MV เพลงนี้เลยนึกขึ้นได้ว่า เราลองทำแบบสนุกๆ กันบ้างดีกว่า ไหนๆ ก็เป็น “ละครคุณธรรม” แล้ว MV คงไม่มีผิดไม่มีถูก เลยได้พี่ดิมมาช่วยให้มีสีสันมากขึ้น

บอย : สำหรับใครที่ดู MV แล้ว ก็จะเห็นฉากที่ผมทำเพื่อคารวะน้าหม่ำเลย เป็นซีนจากเรื่อง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ที่พี่โหน่งเดินออกมาด่า ซึ่งคนที่จะมาด่าผมและเป็นพี่โหน่งได้ ก็ต้องเป็นคุณดิมนี่แหละครับ เพราะเขาเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยเรียน และเมื่อก่อนก็เป็นนักร้องมาด้วยกัน 

แล้วใครเป็นคนเลือกนางเอก MV 

ปาล์ม : ไหนๆ ก็เป็นละครคุณธรรมแล้ว งั้นให้นางเอกละครคุณธรรมมาเล่น MV เสียเลย ต้องขอบคุณทีม MV เพราะแม้ว่า Budget อาจจะไม่ได้สูงมาก แต่น้องยาหยีและทีมงานก็เต็มใจมาช่วยกัน ขอบคุณมากๆ เลยที่ทำให้มันออกมาดีขนาดนี้

โมเมนต์ที่ประทับใจที่สุดในการทำเพลง “ละครคุณธรรม”

ปาล์ม : ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) เพราะไม่มีส่วนร่วมอะไรเลยใน MV แต่งหน้าแต่งตัวมาเรียบร้อย แต่สุดท้ายผู้กำกับบอกให้เล่นเป็นคนตาบอด (หัวเราะ)

บอย : แต่บทคนตาบอดมันเล่นยากนะ (หัวเราะ) เรียกได้ว่าเป็นการแสดงแบบ Method Acting ส่วนผมประทับใจในวันถ่ายทำ MV ครับ รู้สึกสนุกมากๆ เราทำงานแบบกองโจร มีทีมงานแค่ 3 คนถ้วน ผมไม่เคยเห็นกองถ่ายที่ไหน ที่คนน้อยเท่านี้มาก่อน และเป็นการแสดงเองครั้งแรกของผมด้วย

แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนในการทำอัลบั้มนี้ให้สนุกขึ้นกว่าที่เคย

บอย : เพราะมันเหมือนเป็นโค้งสุดท้ายของเรากันแล้ว เราอยากจะทำอะไรที่ยังไม่เคยทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว 

ปาล์ม : มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ที่เราเคยคิดไว้ว่าอยากจะทำแต่ไม่ได้ลองทำสักที ดนตรีใหม่ๆ แนวใหม่ๆ ก็อาจจะได้ฟังกันในอัลบั้มนี้ 

ยังจำความรู้สึกตอนที่ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกได้ไหม

บอย : ครั้งแรกนี่ตั้งแต่ที่เรายังไม่ได้เข้ามาในค่าย Tero Music เลย 

ปาล์ม : ตอนนั้นยังเป็นวง cover ที่อยู่ๆ มีคนติดต่องานเข้ามาเป็นงานแรกที่สกลนครค่ะ

บอย : งานนั้นเป็นงานที่พวกผมย้งไม่รู้เลยว่า ต้องคิดค่าตัวยังไง ผมเลยบอกเขาไปว่า “งั้นเอางี้ 2 คน 3,500 แล้วกันพี่” ทางร้านเขาก็รีบคอมเฟิร์มอย่างไวเลย (หัวเราะ)

ปาล์ม : โคตรน้อยเลย ไม่ปรึกษากันด้วยนะ (หัวเราะ) ไปเล่นกับแบบไม่ได้มี skill อะไรเลย เพราะตอนนั้นไม่ได้เจนกับเวทีด้วย มีคนรู้จักเราจากเพลงที่เรา cover อยู่บ้าง จำได้ว่าก็สนุกดีค่ะ

อยากให้บอกข้อดีของกันและกันหน่อย

ปาล์ม : พี่บอยเป็นคนคุยง่าย ปรึกษาได้ทุกเรื่อง มันเลยทำให้เราจูนกันได้จนถึงทุกวันนี้ ระหว่างทางมันอาจจะมีไม่ลงรอยกันบ้าง เราก็ค่อยๆ ปรับค่อยๆ เข้าใจกัน ทุกวันนี้มันก็เลยได้มาอยู่ในจุดนี้ได้ค่ะ

บอย : เราไม่ใช่ทีมที่ค่ายจับมาแมทช์กัน แต่เรารู้จักกันมาก่อน สนิทกันมาก่อน เราเลยคุยง่าย ทำงานง่ายในทุกอย่างเลย

มองภาพ Chilling Sunday ในอนาคตไว้แบบไหน 

บอย : จนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่เราเคยทำมามันเกินสิ่งที่เราคิดและคาดหวังไว้มากๆ แล้ว 

ปาล์ม : ปาล์มเองก็ไม่ได้ฝันไว้แต่แรกว่าอยากเป็นนักร้อง เลยรู้สึกว่าตอนนี้มันเป็นกำไรแล้วที่เราได้ทำงาน ได้มีเพลงเป็นของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีเพลงที่ใครๆ ก็ร้องตามได้ ดังนั้นในส่วนของเพลงที่เหลือ เราจะตั้งใจทำให้มันออกมาดีที่สุดค่ะ

บอย : อนาคตมันกำหนดไม่ได้หรอกครับ มันเลยต้องทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด แค่ทำแล้วเราเอนจอยกับมันก็พอ สมัยนี้การทำงานกับเพลงมันไม่เหมือนสมัยก่อน อย่างเพลงเรา “คนเก่าเขาทำไว้ดี” เราปล่อยมานานมากเลยนะ แต่กลับเพิ่งมาดังในช่วงที่ผ่านมา ผมเลยคิดว่า เราแค่ทำในส่วนของเราให้ดีก็พอ เพราะมันคงมีส่วนที่เหลือในส่วนที่เราควบคุมไม่ได้ครับ

ถ้าวันนึงเราไม่ได้ทำเพลงแล้ว อยากให้แฟนคลับจำเราในภาพจำแบบไหน

บอย : ทุกวันนี้แฟนคลับจำเราด้วยภาพจำ 2 แบบ คือวง cover กับเจ้าแม่เพลงเศร้า 

ปาล์ม : อยากให้จำเพลงเราได้มากกว่า ไปที่ไหนก็มีคนเปิดเพลงของเราหรือมีคนร้องเพลงของเราได้ วงเราไม่ได้เป็นวงที่ใหญ่หรือมีคอนเสิร์ตอะไรมากมาย แต่ที่ผ่านมาเราทำด้วยใจ แล้วก็รู้สึกว่า ที่ผ่านมามันดีมากๆ เลย อย่างเวลาที่เราไปไหนมาไหนแล้วได้ยินเพลงของเราถูกเปิดตามห้าง ตามร้านอาหาร แล้วมีคนร้องตามได้ แค่นี้เราก็ดีใจแล้วค่ะ

ดนตรีมีอิทธิพลกับทั้งสองคนอย่างไรบ้าง

ปาล์ม : ดนตรีทำให้เรามีความสุขมากขึ้นนะ ตอนที่เราอารมณ์ไม่ดีมาแล้วได้ฟังเพลง ก็รู้สึกดีขึ้น

บอย : ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าผมอุทิศชีวิตให้ดนตรี เล่นมาตั้งแต่เด็ก เล่นมาเป็นอาชีพแรกและอาชีพเดียว 

ปาล์ม : เอาจริงๆถ้าโลกนี้ไม่มีดนตรีก็คงเศร้า ห่อเหี่ยว ด้วยสถานการณ์ต่างๆ คนอาจจะซึมเศร้ามากกว่านี้ก็ได้ 

Contributors

คอนเทนต์สาวที่ชอบใช้ชีวิตแต่โดนชีวิตสู้กลับอยู่ตลอด ความฝันสูงสุดแค่อยากนอนฟังเพลงกอดแมวอ้วนไปวันๆ