“แรงบันดาลใจในการทำเพลงนี้ มาจากการที่จี้เพิ่งเสียอากงไปเมื่อปลายปีที่แล้ว มันเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าคนที่ต้องเป็นเสาหลักคนต่อไปให้ครอบครัวต้องเข้มแข็งตลอดจริงๆ เหรอ?”  

แองจี้ นักร้องนำจากวง CHILAX หญิงสาวหนึ่งเดียวในวงผู้มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ เผยแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง “ลาจาก” ซิงเกิลใหม่ล่าสุดที่ดิ่งจนอยากร้องไห้ไปตามๆ กัน 

“CHILAX” (ประกอบด้วยสมาชิก แองจี้-ร้องนำ, สกาย-กีตาร์, อ๋อง-คีย์บอร์ด, พล-กลอง และ เจมส์-เบส) เจ้าของบทเพลงเศร้า ที่ทำให้คนที่ได้ฟังเพลงของพวกเขาอยู่ดีๆ ก็รู้สึกอกหักขึ้นมาเสียอย่างนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ยังมีเพลงฮิตติดหูที่แค่ขึ้น Hook มาท่อนเดียวทุกคนก็สามารถร้องตามได้เลย อย่างท่อน…

“ฉันนี่แหละ ที่เป็นคนอื่น

ฉันนี่แหละ ที่ควรต้องไป

รักเธอมากแค่ไหน ไม่เคยมีความหมาย

รักให้ตายสุดท้ายเป็นได้แค่คนอื่น…”

“ฉันนี่แหละคนอื่น” เพลงเศร้าหักมุมยอดวิวหลักล้านที่คุ้นกันดีในโลกโซเชียล 

ทั้ง POV (สถานการณ์สมมติ) บน TikTok และคอนเทนท์ต่างๆ ที่มีเพลงนี้เป็นซาวด์ประกอบที่ทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักและเป็นกระแส ทั้งเสียงร้องที่โดดเด่น ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ที่ฟังแล้วติดหูน่าค้นหา

ความเศร้าจากเพลงก่อนหน้ายังตราตรึงอยู่ในใจ และวันนี้เพลงใหม่อย่าง “ลาจาก” จะมาซ้ำแผลเดิม เพิ่มเติมคือเพิ่มความเจ็บปวดทวีคูณขึ้นไป ด้วยเนื้อหาเพลงที่มาจากเรื่องจริง ทำให้อินและกินใจใครหลายๆ คนไปได้อย่างแน่นอน Rhythm จะพาทุกคนไปรู้จักกับ CHILAX และเบื้องหลังการทำเพลงล่าสุดผ่านบทความนี้

ทำไมถึงต้องเป็น “CHILAX” 

แองจี้ : ตอนแรกอยากทำเพลงชิลๆ ฟังง่ายๆ สบายๆ เลยตั้งโจทย์ว่าอยากได้ชื่อวงที่เป็นภาษาอังกฤษที่มีความเท่ 2 พยางค์จำง่ายพูดแล้วเข้าปาก ก็เลยได้คำว่า “Chill” กับ “Relax” มาผสมกันเป็นคำว่า CHILAX พอดี    แต่พอทำไปทำมา ใส่ความตัวเองเยอะไปหน่อยมันเลยเริ่มไม่ชิล เพลงเริ่มมีความใหญ่ ไม่มินิมอล 

สกาย : อลังการมากกกกก

แองจี้ :  คอนทราสต์กับชื่อวงนิดหนึ่ง (หัวเราะ)

ทุกคนมาเจอกันได้ยังไง 

แองจี้ :  พวกเราเล่นดนตรีและได้ประกวดตั้งแต่สมัยเป็นเฟรชชี่กันมาก่อนอยู่แล้ว แองจี้กับเจมส์รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น เรียกได้ว่าเราสองงคนเป็นคู่แข่งกันมากกว่า  ตอนที่ฟอร์มวงเป็นช่วงโควิดพอดี กลายเป็นว่าเราออกไปเล่นดนตรีข้างนอกไม่ได้ เราก็เลยทำเพลงกันเอง โดยเริ่มจากสกายกับอ๋องทำเพลงกันก่อน สุดท้ายแล้วเป็นยังไง… 

สกาย : ตอนแรกจะร้องกันเองนี่แหละครับ แต่ไม่รอด เลยไปชวนแองจี้มาเป็นนักร้อง

แองจี้ : ก็เลยมีนักร้องนำเป็นแองจี้ หลังจากนั้นมีค่ายนึงรับสมัครพอดี จี้เลยไปชวนคู่แข่งตอนเฟรชชี่ที่สูสีกันมาตลอดตอนมหา’ลัยของเรามาร่วมวงด้วย ส่วนมือกลองเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันตอนม.ปลาย เคยทำวงด้วยกันตอนเรียน ทั้งหมดนี้เลยได้ฟอร์มเป็น CHILAX และได้ส่งเข้าประกวดในตอนนั้น 

เอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็น CHILAX คืออะไร 

แองจี้ : อันดับแรกคือเสียงร้องของจี้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ CHILAX  เลยค่ะ ต่อไปเป็น Sound Design ถ้าฟังเพลงหลายๆ เพลงของเรา จะรับรู้ได้เลยว่านี่คือเพลงจากวงเดียวกัน เพราะดนตรีในเพลงเป็นแนว Electronic Pop แม้ว่าจะแตกต่างกันไปในแต่ละเพลง แต่มันยังคงกลิ่นอายหรือเรื่องเราที่เราอยากเล่าเสมอ ส่วนเอกลักษณ์ข้อที่สามคือ การเล่าเรื่องราว  ภาพรวมของการทำเพลงของวงเราค่อนข้าง emotional และ dramatic เรามีความเป็น Story Telling และ Emotional เยอะเลยค่ะ  

การทำเพลงที่เป็นตัวเองในแบบของ CHILAX เป็นอย่างไร

แองจี้ : แนวเพลงและ Sound Design ของ CHILAX ที่เรียกได้ว่าค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ด้วยการใส่ความเป็น SYNTH เข้าไป โดยมีอ๋องทำ Direction ของดนตรี และมี Vocal Chops ใส่ไว้ในทุกเพลง แนวเพลงของ CHILAX จะยึดสไตล์ Electronic Pop เป็นหลัก ซึ่งแต่ละเพลงจะมีกลิ่นอายที่แตกต่างกันออกไป อย่างเพลง “ขอเธออย่า” จะมีความ Old School และความเป็น Ballad, Rock, Dramatic, Cinematic แต่เบสของดนตรีทุกอย่างจะเป็นสไตล์ Electronic Pop 

แองจี้-พิชญ์สินี ไพศาลกูล (ร้องนำ)

เพลงสไตล์ SYNTH คืออะไร

อ๋อง : เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่เราชูขึ้นมา

สไตล์ SYNTH คือเสียงที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาไม่ใช่เสียงจากเครื่องดนตรีจริง แต่ก็มีการผสมผสานกับเครื่องดนตรีของเราด้วยครับ 

ลายเซ็นของ CHILAX ที่ฝากเอาไว้ในทุกบทเพลง 

อ๋อง : ผมว่ามันคือซาวด์ที่เราเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละเพลง ซึ่งพอพูดถึง Electronic Pop มันต้องใช้เครื่องสังเคราะห์ เช่น คีย์บอร์ด ทุกเพลงจะมีเสียงที่เป็นเสียง SYNTH ที่ค่อนข้างเป็นตัวเด่น และเราจะใส่ Sound Design  เข้าไปในเกือบทุกเพลง 

ด้วยความที่ทั้ง 4 คนคลุกคลีและได้สัมผัสกับเพลงสไตล์นี้มาตลอด อะไรคือเสน่ห์ของมัน

อ๋อง : ผมว่ามันคือความใหม่ เพราะถ้าเป็นเครื่องดนตรีจริงๆ มันค่อนข้างมีขอบเขตและข้อจำกัดในการเล่น แต่พอเป็นเสียงสังเคราะห์ ทำให้เปิดกว้างขึ้นในเรื่องของซาวด์ในการแต่ง ทำให้มีความใหม่หรือมีความหลากหลายมากขึ้น อยู่ที่เราจะหาหรือนำเสียงสังเคราะห์ตรงนั้นมาประยุกต์ให้เป็นแนวใหม่ เป็นแนวที่เราอยากนำเสนอ

อ๋อง-สุทธิพัฒน์ คุณากร (คีย์บอร์ด)

ความแตกต่างในการทำงานระหว่างก่อนและหลังเข้ามาในค่ายเป็นยังไงบ้าง

แองจี้ : ช่วงที่ยังไม่มีค่าย เราทำวงกันเอง ได้ปล่อยไปสองเพลง อย่างตอนนี้เราก็ได้มาอยู่กับ TERO MUSIC ซึ่งในตอนที่เรามีค่าย เรามีไอเดียเพิ่มขึ้น เวลาที่เราเอาเพลงมาให้ค่ายฟัง เขาจะมีฟีดแบ็กหรือเขามีมุมมองที่วงคิดไม่ถึง เหมือนได้เปิดมุมมองที่กว้างขึ้น และได้ออกไปเล่นดนตรีข้างนอกมากขึ้น เริ่มมองMarketing ได้มากและลึกขึ้น

ผลงานตั้งแต่เริ่มต้นที่ทำวงกันเองจนถึงวันนี้ที่ได้เข้ามาในค่าย 

แองจี้ : ตอนนี้วงปล่อยเพลงมาแล้วประมาณ 9 เพลง หลังจากที่เข้าค่ายมาได้ปล่อยเพลง “ฉันนี่แหละคนอื่น” ที่ทำให้หลายๆคนได้รู้จักกับ CHILAX เพลงนี้มี live session กับพี่แชมป์ MAIYARAP ซึ่งเป็นอีกเวอร์ชั่นนึงที่มีแรปเข้ามา  หลังจากเพลงนี้เป็นเพลง “คุยที่ไม่ได้คบ” ซึ่งได้พี่เอก Season Five เป็นโปรดิวเซอร์ให้  จากนั้นเราได้ทำเพลงเศร้าอีก ชื่อเพลงว่า “วนกลับมาเพื่อจากกันตลอดไป” เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของแฟนที่รักๆ เลิกๆ ต่อมาเป็นเพลง “ได้โปรดทบทวน” เป็นเพลงที่ให้ฟีลอ้อนวอน เป็นเพลงสุดท้ายของเราในตอนที่อยู่กับค่าย MACROWAVE หลังจากนั้นเราก็ได้เข้ามาอยู่ในค่าย TERO MUSIC เพลงแรกในค่ายนี้คือเพลง “ขอเธออย่า” feat.กับพี่กาย GUYGEEGEE เป็นเพลงที่มีจังหวะเร็วขึ้นมานิดหนึ่ง และเพลงล่าสุดที่ได้ปล่อยไป ชื่อว่าเพลง “ลาจาก (How are you there?)” เป็นเพลงมีความ Cinematic มีความใหญ่แล้วก็ดราม่าหนักมาก เป็นเพลงแรกที่มีเนื้อหาที่ลึกซึ้งกว่าเพลงอื่นๆ ที่ผ่านมา เพราะมันเล่าเรื่องการจากลา สูญเสียที่มีความจริงจังกว่าเพลงอื่นๆ 

“ลาจาก” เพลงใหม่ล่าสุดที่ยังคงสเต็ปเพลงเศร้าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจุดจบที่หักมุม อะไรคือ inspiration ในการทำเพลงนี้  

แองจี้ : แรงบันดาลใจในการทำเพลงนี้ มาจากการที่จี้เพิ่งเสียอากงไปเมื่อปลายปีที่แล้ว คุณพ่อเป็นคนที่จัดการทุกอย่างเกี่ยวกับงานศพของอากง ลูกคนโตอย่างเขา จึงต้องเป็นคนที่ต้องเข้มแข็งที่สุดในตอนนั้น และด้วยความที่ที่บ้านเป็นบ้านแบบลูกหลานคนจีนจึงต้องมีการจัดพิธีแบบคนจีน การต้อนรับแขกของคุณพ่อยังคงเป็นการยิ้มรับและหัวเราะได้ปกติ

แองจี้ : แต่ตอนที่กลับบ้านมา จี้ได้เห็นมุมที่เขาได้อยู่คนเดียว แสดงมุมที่เจ็บปวดและอ่อนแอออกมา เราเห็นพ่อเจ็บปวด เราก็เจ็บปวด มันทำให้เราคิดไปว่า ถ้าอากงแวะมาหาแล้วเห็นลูกของเขาเสียใจที่เสียเขาไป เขาจะเจ็บปวดแค่ไหน รู้สึกอย่างไร อากงจะอยากปลอบหรือบอกอะไรพ่อไหม 

แองจี้ : จี้เลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมาจากมุมมองของคนที่เขาจากไปแล้ว และได้กลับมาเห็นคนที่อยู่ข้างหลัง เขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน ในตอนที่เขียนเพลงนี้ พวกเราแชร์กันว่าเราจะเขียนเพลงไปในdirectionประมาณนี้ เริ่มจากการเขียนโดยการที่แทนตัวละครเป็นเราเองว่า ถ้าเป็นตัวเราเองล่ะที่เป็นคนจากไป คนข้างหลังจะเป็นอย่างไร คนรักของเราจะเสียใจขนาดไหน ส่วนใหญ่จะเป็นไปในเชิงคำถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่อยากจะบอกไหม คิดถึงกันบ้างไหม ส่วนฉันนั้นคิดถึงเธอเหลือเกิน 

แองจี้ : และในเพลง มีท่อนบริดจ์ที่เฉลยว่าจริงๆแล้ว ทุกคำถามที่สงสัย ฉันจะได้เห็น ว่าเธอก็เสียใจอยู่เหมือนกันแต่ต้องแสร้งว่าไม่เป็นไร ทั้งที่อยากกอดมากแค่ไหนแต่ฉันทำอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งอันนี้เป็นอีกแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้ 

สกาย ภัทรพล วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา (กีต้าร์)

โมเมนท์ที่จำไม่ลืมในการทำเพลง “ลาจาก”

อ๋อง : จังหวะที่แองจี้ร้องเมโลดี้นี้ครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นผมขึ้นโครงดนตรีมาแล้วและได้ไกด์เมโลดี้มาคร่าวๆ แค่รู้สึกว่าเมโลดี้นี้มันมีเอฟเฟ็กต์อะไรบางอย่าง ฟังแล้วค่อนข้างทัชใจ  ฟังครั้งแรกแล้วรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ 

สกาย : “มันคงเป็นเพลงที่เป็น Masterpiece ของ CHILAX แน่ๆเลย” นี่คือความคิดแรกหลังจากที่ได้ฟังเสียงร้องของแองจี้ในตอนที่ต้องไปเลือกเดโม่กัน ตอนที่ฟัง รู้สึกว่ามันทัชใจ รู้สึกขนลุก นี่แหละ มาสเตอร์พีซของ CHILAX

เจมส์ : สำหรับผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้จำไม่ลืมเลย คือท่อน Pre Hook ซึ่งมันเป็นท่อนที่ร้องประมาณว่า “หากในตอนนั้น ฉันรู้ว่าเราต้องห่าง…” มันให้ความรู้สึกว่าถ้ารู้ว่าเราต้องจากกัน จะใช้ทุกนาที ตั้งใจรักและดูแลเธออย่างดี คำๆ นี้ทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมเราถึงไม่ตั้งใจรักคนที่รักเราในตอนนี้ แค่คิดว่าวันหนึ่งที่เราได้สูญเสียเขาไป แล้วเรายังไม่ได้ตั้งใจรัก ทำไมเราถึงไม่ทำมันเสียตั้งแต่ตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกนั้นขึ้นมาและยังจำอยู่ในหัวอยู่จนถึงทุกวันนี้ 

ทำไมแทบทุกเพลงของ CHILAX ถึงเป็นเพลงเศร้า 

แองจี้ : ส่วนมากในทุกๆ เพลงจะแต่งจากเรื่องจริง หรือเรื่องที่ใกล้เคียงกับเรื่องราวของคนในวง เพราะฉะนั้นถ้าภาพรวมของวงเรามันเป็นเพลงเศร้า นั่นก็แปลว่าชีวิตของพวกเรากำลังเศร้าอยู่ แต่กระบวนการการทำเพลงของพวกเราคือทุกคนจะแยกย้ายกันไปแต่งของใครของมันก่อน แล้วค่อยมาดูกันว่าเราควรใช้อันไหนเพื่อให้เหมาะกับกระแสหรือช่วงเวลานั้นๆ จากนั้นจะช่วยกันต่อให้มันสมบูรณ์ขึ้น

เจมส์-ดนุพล โฉมสวย (เบส)

ศิลปินในดวงใจของแต่ละคน

แองจี้ : จี้ชอบ Ariana Grande, Bowkeylion 

เจมส์ : ของผมจะเป็นช่วงๆ มากกว่า ว่าช่วงนั้นอินกับใครหรือชอบใครเป็นพิเศษ ช่วงนี้จะเป็นพี่ทอย (THETOYS) พี่นนท์ (นนท์ ธนนท์) แต่ถ้าในฐานะมือเบส  inspiration หรือแนวเพลงที่ฟัง ก็จะเป็น Cory Wong ชอบฟังก์ๆ (funk)

อ๋อง : ถ้าเป็นวงที่ชอบก็น่าจะเป็น Coldplay  แล้วก็ Bruno Mars 

สกาย :  ของผมเป็นวง The1975 เพราะเป็นวงที่เท่ครับ 

เวทีแรกที่ขึ้นแสดงของ CHILAX

แองจี้ : เวทีแรกของ CHILAX เป็นเวทีที่ใหญ่เลยค่ะ เดินไม่สุดเลย (หัวเราะ) อยู่ที่เซนทรัลเวิร์ล เป็นไลฟ์เฮาส์   

เจมส์ : ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด ยังมี Social Distancting ทุกคนเลยนั่งห่างกัน 2 เมตร 

แองจี้ : ส่วนบนเวที 50 เมตรก็เดินกันไม่สุด จริงๆ ก็ตื่นเต้น แต่ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนภาพมันตัดไปแล้ว ในตอนนั้นเราพยายามทำทุกอย่างเต็มที่ในสิ่งที่เราซ้อมกันมา แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องของความทรงจำ น่าจะเลือนลาง จำได้แค่ผู้คนนั่งห่างกันแต่ยังเอ็นจอยกับพวกเราได้อยู่ 

ดนตรีมีอิทธิพลอย่างไรกับทุกคนบ้าง หลังจากที่ทุกคนอยู่ในเส้นทางดนตรีมาตลอด 

แองจี้ : ดนตรีคือ “ศิลปะ” เป็นศาสตร์หนึ่งที่เป็นสื่อของอารมณ์หรือความรู้สึกบางอย่างของคนที่ทำมันขึ้นมา

ถ่ายทอดออกมาสู่คนฟังหรือคนที่ดูภาพประกอบไปด้วย อิทธิพลของมันในแง่อารมณ์คือ สิ่งที่เราเสพหรือสิ่งที่เราฟัง มันส่งผลต่อชีวิตเรา การใช้ชีวิต Mindset หรืออารมณ์ในแต่ละวันของเรา สมมติว่าช่วงนี้ไม่ได้อกหักหรือไม่ได้เป็นอะไร แต่ถ้าเราฟังแต่เพลงเศร้า เราก็อาจจะมีโอกาสเป็นซึมเศร้าได้เหมือนกัน สิ่งเหล่านั้นมันสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกมาถึงเราได้ มีผลและอิทธิพลในหลายๆเรื่องสำหรับจี้ค่ะ 

สกาย : ผมรู้สึกว่าดนตรีมันเหมือนเป็น Sound Track ของชีวิตประจำวันเรามากกว่า บางครั้งที่เรารู้สึกท้อ เราเปิดเพลงที่มันฮีลใจเราได้ เหมือนได้เป็นซาวด์แทร็กของชีวิตเราในตอนนั้น หรือในบางช่วงที่เราเคยฟังเพลงนี้และชอบหรืออินกับมันมากๆ แล้วเราได้กลับมาฟังมันอีกครั้ง มันทำให้เหมือนดนตรีได้พาเราย้อนกลับไปในช่วงนั้น 

 เป้าหมายที่ CHILAX ตั้งไว้

แองจี้ : เป้าหมายของวงที่คุยกันไว้คือการที่เราอยากจะมีชื่อเสียง มีคนรู้จักเพลงของเรา และรู้จักตัวตนของ CHILAX มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง และอยากให้อัลบั้มนี้เป็นสิ่งที่แรปพรีเซนท์สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นตัวตนของเรา และได้นำสู่คนฟัง

แต่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นมาของเราคือการได้เล่นในเทศกาลใหญ่ๆ ของประเทศไทย แล้วก็มีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองค่ะ

Contributors

คอนเทนต์สาวที่ชอบใช้ชีวิตแต่โดนชีวิตสู้กลับอยู่ตลอด ความฝันสูงสุดแค่อยากนอนฟังเพลงกอดแมวอ้วนไปวันๆ