ไม่ต้องเท้าความให้เสียเวลาว่า MILLI (มิลลิ) หรือ มินนี่-ดนุภา คณาธีรกุล ว่าเขาเป็นใคร มีผลงานอะไรเพราะเชื่อว่าเหล่านักฟังทั้งหลายต้องเคยเห็นชื่อและฟังผลงานไม่ว่าเชิงเพลงตัวหรือเป็นการ Featuring กับศิลปินอื่นหรือยิ่งไปกว่านั้นการที่ไปขึ้นเวที Coachella ก็เป็นการบ่งบอกว่านี่คือศิลปินหญิงที่ไม่ธรรมดาและไปไกลกว่านี้ได้อีกแน่นอน ฉะนั้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีคนรู้จักคนนี้แน่ ๆ 

            การมาถึงอัลบั้มแรกอย่าง Babb Bum Bum ที่ตัวผู้เขียนฟังแล้วมีรีแอคชั่นครั้งแรกเชิงแบบ “คิดได้ไงวะ” เพราะมันเป็นอัลบั้มที่มีความครีเอทและ Energy เหลือล้นแต่แฝงไปด้วยเนื้อหาที่ Relate กับวัยรุ่นเจนนี้ ยิ่งฟังหลายรอบก็ยิ่ง Hype กับมันมาก เพราะ 10 Tracks ที่จัดมานี่โคตรของความครีเอทและโชว์ความสามารถแบบเต็มกราฟ

            ฉะนั้นอย่ารอช้า เข้าสู่ Track By Track กัน

Track By Track

Welcome Feat. Minus

            Track แรกที่เป็นการ Represent ตัวเองในแง่การฝ่าฟันการทำตามความฝันที่เป็นมีคอนเซปต์เชิง Imperfect นอกจากนี้ยังมีความตื่นเต้นก่อนจะปล่อยตัวเพลงออกมาคือการบอกว่าใบ้ของ Girl Group ที่มิลลิคัดมาเองอย่าง Minus ที่มีการกระแสคาดเดากันยกใหญ่ ก่อนที่ทุกคนจะโดนแกงหม้อใหญ่เพราะ Minus ก็คือมิลลิ นั่นเอง ที่แยกเป็น มิลลิ มินนวย มินจี และ มินนี่ ซึ่งต่อให้จะโดนแกงมาแต่ตัวผู้เขียนชื่นชมในแง่การแสดงฝีมือเชิงว่าจะแรป จะร้อง จะเต้น มิลลิก็ทำให้หมด สอดคล้องกับภาคดนตรีที่มีทั้ง Hiphop และ R&B รวมไปถึงท่อนท้ายที่มีท่อน Drop ให้เต้นอีก เรียกว่าเหมาะสมกับการเป็น Track เปิดอัลบั้มที่ครีเอทและแสดงความสามารถแบบเบิ้ม ๆ

Easter Egg : ท่อน If you tell me to jump, I’ll ask how high, If you tell me to dive, I’ll ask how deep ถ้าลองแปลดีๆ มันคือประโยคไวรัลจากรายการ The Face Thailand Season 2 (2558) ที่ติช่า-กันติชา ชุนมะ เคยพูดว่า “ถ้าเกิดพี่บีบอกให้ช่ากระโดด ช่าก็จะถามว่าให้กระโดดสูงแค่ไหน ถ้าพี่ให้หนูดำน้ำ หนูก็จะถามว่าให้ดำลึกแค่ไหน”

สาธุ Feat. Tangbadvoice

            เปิดมาด้วยการร้องสำเนียงแบบบทสวดที่รับกับบีทแบบ Hiphop เป็นอะไรที่ลงตัวมาก ยิ่งการได้ Tangbadvoice มา Feat. มันทำให้เพลงนี้เป็นการเล่าเรื่องความเชื่อแบบไทย ๆ ไม่ว่าจะเรื่องบูชาพระเครื่อง การขอพร แต่ก็มีการทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะบูชาอะไรมา แต่ทุก ๆ อย่างล้วนเป็นตัวเองที่บันดาลให้เกิดขึ้นมาตามที่ตัวเองหวัง ซึ่งมีการรับส่งกันของ Milli และ Tangbadvoice ที่ทำให้เพลงนี้เรียกว่าลงตัวมาก ๆ ชนิดที่ท่อนหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าน่าจะมี Ref จากซีนบูชาเหล็กไหลในตำนานจากเรื่องแสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า (2549) ภาพรวม Track นี้บอกเลยว่าเหมาะสมกับการเป็น Soft Power ของบ้านเราซะเหลือเกิน

รักนะเว้ย Feat. Namemt

            หลาย ๆ คนจะคุ้นชินกับเพลงรักหวาน ๆ แต่กลับเพลงนี้คือเพลงบอกว่ารักที่ดุดันอย่างกับ 4Kings (2564) สุด ๆ ผ่านการทะเลาะกันผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่อยากจะโทรมาแค่บอกรักแค่นั้นแหละ แต่ไม่รับสายและดันสัญญาณไม่ดี พอได้ Namemt ทำให้ภาพรวมเพลงนี้คือเพลงรักที่ตรงไปตรงมาราวกับจะหาเรื่องต่อยกันได้เลย ก่อนช่วงท้ายจะมีท่อนพูดน้ำเสียงหวาน ๆ ราวกับละครหลังข่าวยุคเก่าก่อนที่จะกลับมาทะเลาะกันแบบเด็กยุคนี้อีกที เป็นเพลงที่บันเทิงมาก

Sad Aerobic

            เป็นเพลงที่มีไวรัลมาก ๆ ตอนที่เพลงนี้ได้ถูกโชว์ในงาน Coachella กับการชวนคนดูมาเต้นแอโรบิคตามกับเธอ ยิ่งมีการหยิบ Element ที่คุ้นเคยอย่างดนตรีเต้นแอโรบิคของบ้านเรามาใช้เป็น Theme ทำให้เพลงนี้โดนใจทั้งบ้านเราและต่างชาติชนิดที่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจถ้าหลาย ๆ คนจะชอบ

บอยพาโบ้ Feat. Bowkylion

            ตอนที่ผู้เขียนเจอชื่อเพลงนี้ก็สงสัยว่ามันไปเกี่ยวข้องอะไรกับศิลปินต่างชาติที่เราคุ้นหูกันอย่าง Boy Pablo หรือเปล่า แต่พอได้ฟังแล้วร้องอ๋อทันที มันคือเพลงที่สร้างสถานการณ์เพื่อนหญิงปรึกษาความรักแบบผู้หญิงถึงผู้หญิง โดยเพลงก็บอกเล่าว่า ต่อให้เราเป็นที่ปรึกษาความรักของเพื่อนที่เจ็บช้ำมาซ้ำ ๆ ซึ่งถึงแม้เราจะให้บอกให้เลิกกับผู้ชายคนนี้ แต่ถ้าสุดท้ายเพื่อนเรากลับไปคบกันเหมือนเดิม เราก็เป็นหมาอยู่ดี ๆ 5555 ในเพลงนี้เราจะได้ยินเสียงหอนทั้งเสียงหมาที่เป็น Sample และเสียงของโบกี้ที่หอน (และหอนเป็นเมโลดี้อีก) แถมท่อน Pre Hook ก็มีการใช้ไดอะล็อกแบบการ์ตูนเซเลอร์มูนอีกต่างหาก

Not Yet 

            เพลงนี้เป็น Single ที่ถูกปล่อยไปก่อนหน้า มันเป็นเพลงรักที่มี Concept และเนื้อหาแข็งแรงมาก มันคือเพลงความรักในมุมมองของผู้หญิงที่อยากมาอ้อน อยากมี Moment ร่วมกันแต่ไม่ได้ที่อยากจะ เย เย เย (ตามเนื้อเพลงเลย) ซึ่งนำเสนอประเด็นการ Consent ของคู่รักได้มีชั้นเชิงมาก มันเป็นเพลงที่อยากให้ทุกคนตระหนักถึงการ Consent ของแต่ละฝ่าย คือต่อให้จะนอนกอดกันแนบชิดแค่ไหน แต่ไม่พร้อมคือไม่พร้อม เป็นเพลงที่แฝงเรื่องการมีเซ็กซ์ที่ไม่เคอะเขินและเป็นกระบอกเสียงในแง่การยินยอมและเคารพแต่ละฝ่ายในเรื่องนี้ เพราะถ้าไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังมันจะมีผลกระทบที่แย่กว่าที่หลายคนคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน โดยเสียงผู้ชายในเพลงนี้คือ Jarnhee จากทีมที่เรารู้จักกันอย่าง Cover ดีๆ มักจะมาตอนเมากาว

17 นาที Feat. Mints 

            นี่ก็เป็นอีกเพลงที่เป็นไวรัลกับคอนเซปต์ความรักของวัยรุ่นในยุคนี้ ที่อีกฝ่ายตอบแชทมาแต่ก็ไม่อยากตอบทันที เดี๋ยวอีกฝ่ายจะคิดว่าเราสนใจเค้าก็เลยทำเป็นดองแชทไว้ อีกสัก 17 นาทีค่อยตอบละกัน ยิ่งการได้ 2 สมาชิกวง Mints อย่างตน—ต้นหน ตันติเวชกุล และอัด—อวัช รัตนปิณฑะ มารวม Feat ด้วยทำเพลงนี้มีความเรียบง่ายแต่ก็ยังน่ารัก ยิ่งไปกว่านั้นท่อนนับเลขช่วง Pre-Hook ก็เป็นกระแสใน Tiktok ช่วงหนึ่งอีกต่างหาก

Homework 

            อีกเพลงที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก มันคือเพลงบ่นชีวิตช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ที่การบ้าน โปรเจ็คที่ถาโถมจนนอนน้อย จนแล้วจนรอดก็อยากลาออกแต่ก็ทำไม่ได้ เป็นเพลงบนชีวิตที่มาสไตล์ Soul ที่มีฟีลหรูหรา การเป็นเพลงบ่นชีวิตที่มีคลาสมาก ๆ 

สุดก่อน

            หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า Single ก่อนหน้าอย่าง พักก่อน และ สุดปัง มันทำไมไม่อยู่ในอัลบั้มนี้ ใช่ครับ เพลงนี้มันคือการเอาเพลงสุดปังและพักก่อนมารวมกันและเป็นดนตรีที่มีความ Progessive ที่มีชั้นเชิงในการเรียบเรียงเป็นอย่างมาก ทำให้เป็น 2.12 นาทีที่ได้แสดงแสนยานุภาพทั้งการร้องและดนตรีอย่างชัดเจน

Squad Shit feat. 1Flow

            เพลงปิดอัลบั้มที่ปกติศิลปินทั่วไปจะเลือกเนื้อหาทั่วไปเช่น ความรัก ชีวิต ให้กำลังใจคน แต่กลับมิลลิเรื่องที่พูดเรื่องสุขลักษณะที่ดีและควรทำหลังจากการถ่ายอุจจาระเสียอย่างนั้น และยิ่งได้ 1Flow มา Feat มันเลยเป็นที่จำลองสถานการณ์เข้าห้องน้ำและดันถ่ายไม่ออก แต่ก็ยังแฝงสาระเชิงการให้รู้จักรักษาความสะอาดหลังจากถ่ายอุจจาระอีก และยิ่งมีดนตรีที่มีการทดลองบีทแบบ Electronic Dance แถมช่วงท้ายยังเพิ่มความเกรี้ยวกราดด้วยดนตรีแบบร็อค ที่สุดของความบันเทิงกับเพลงปิดอัลบั้มเลย

Final Thoughts

ภาพรวมของอัลบั้ม Babb Bumm Bumm มันเป็นอัลบั้มที่เต็มไปด้วยพลังความสร้างสรรค์อย่างมาก เราสามารถเห็นอิสระในการทำงานของศิลปินกับทางค่ายได้อย่างชัดเจนเลยในแง่ที่หยิบเรื่องราวทั่วไป ตั้งแต่ความรักยันเรื่องการอุจจาระมาเล่าได้อย่างสนุกและมีชั้นเชิง ถึงฟังไปเรื่อย ๆ จะรู้สึก Energy ล้นเกินไปนิดหนึ่ง แต่นี่คือผลงานที่แสดงให้เห็นว่าถ้าเราเชื่อมั่นและให้อิสระกับศิลปินเราจะได้งานที่สร้างสรรค์จากตัวศิลปินอย่างแน่นอน

ประกอบเนื้อหาที่หยิบมาก็ล้วนเป็นการเล่าในมุมมองของเด็กวัยรุ่นยุคนี้ว่ามันต้องเจออะไรบ้าง เราเชื่อว่าถ้าผู้ใหญ่เขาลองเปิดใจฟังอัลบั้มนี้ก็น่าจะเข้าใจและเห็นความสามารถของเด็กยุคนี้ เราเชื่อว่าเป็นอัลบั้มที่น่าจะถูกพูดถึงในวงกว้างอย่างแน่นอน

Contributors

Contributors

พนักงานออฟฟิศที่ชอบเข้างานเลทแต่เลิกงานตรงเวลา หลงรักเสียงดนตรีแสงสี งานภาพยนตร์มากกว่าบัญชีรายรับรายจ่าย เป็นคนสู้งานแต่งานสู้กลับจนบ่นปวดหลังในทุกๆ วัน