“ห้องที่ว่างเปล่าอาจดูไร้ความหมาย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันอบอวลด้วยความทรงจำทั้งสุขและทุกข์ เรื่องราวของเราจะยังคงเก็บไว้ที่นี่ตลอดไป” คำตอบจาก ‘เปอร์’ นักร้องนำหนึ่งในสมาชิกวง เมื่อเราได้ถามถึงที่มาของเพลงล่าสุดอย่าง ในห้องเดิม (Claustrophobia) 

AYLA’s ประกอบไปด้วยสมาชิกห้าคน ได้แก่ เปอร์-กัมปนาท สีม่วงพันธ์ (ร้องนำ), อ๊อฟ-คมกฤษณ์ บุญเรือง (กีตาร์), เน-วีรวุฒิ ช่องสาร (กีตาร์), ออย-อาคม เพื่อนรักษ์ (เบส), ไนท์-บริวัฒน์ ศรีโยธา (กลอง)

พวกเขาคือเจ้าของบทเพลงที่สามารถสร้างความประทับใจจนผู้ฟังหลายคนต้องหลั่งน้ำตา และอย่าลืมพกทิชชูเตรียมไปคอนเสิร์ตด้วย เพราะ AYLA’s กำลังจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก ‘Once in a Blue Moon’ ที่สร้างปรากฏการณ์บัตรหมดเพียง 45 วินาที พวกเขาเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรไว้สำหรับแฟนๆ ในคอนเสิร์ตครั้งนี้? มาหาคำตอบไปพร้อมกันกับบทความจากชาว Rhythizen กันได้เลย

จากซ้ายไปขวา: เน (กีตาร์)อ๊อฟ (กีตาร์)ออย (เบส)เปอร์ (ร้องนำ)

ที่มาของชื่อ AYLA’s 

อ๊อฟ : พวกเราเริ่มต้นจากการเป็นวงกลางคืนครับ พอทำเพลงเสร็จแล้ว ทุกอย่างเสร็จหมดแล้วพร้อมปล่อย แต่ยังไม่มีชื่อวงสักทีก็เลยระดมความคิดกันแล้วผมไปเจอ 10 ชื่อมงคลใน Facebook ก็เลยส่งให้เพื่อน ก็เคาะเป็น AYLA‘s ครับ 

เปอร์ : ซึ่ง AYLA’s แปลว่า “พระจันทร์ส่องแสง” ครับ

แต่ละคนมารวมตัวกันได้ยังไง

เน : เป็นเพื่อนในมหาลัยครับ ทุกคนอยู่ชมรมเดียวกัน แล้วทีนี้ก็มีรุ่นพี่อยากให้มีวงไปเล่นกลางคืนร้านที่พี่เขาเล่น เขาเลยจับมารวมตัวกันตอนแรกมี 4 คนยังไม่มีเปอร์ แล้วก็มีเปอร์เข้ามาทีหลัง

นิยามความเป็น AYLA‘s

เปอร์ : เป็นเพื่อนที่ทำเพลงให้เพื่อนฟังแล้วกันครับ เราเหมือนเราไม่เรียกตัวเองว่าเป็นศิลปินมาตั้งแต่แรกแล้ว เราทำเพลงให้รู้ว่าพวกเราทำได้เฉยๆ ปล่อยให้เพื่อนฟัง ก็ยินดีมากที่ทุกคนฟังแล้วชอบเพลงของพวกเราที่ทำครับ

นิยามสไตล์เพลงของ AYLA‘s

เน : Alternative ละกันครับ เพราะว่าจริงๆมันมีหลายแนวเลย แต่ไม่กล้าบัญญัติว่าอยู่แนวไหน กลัวพี่ๆ เขาหาว่าปลอมครับ (หัวเราะ)

เปอร์ : เนื้อหากับคำร้องมีความ pop นิดนึงครับ คนเข้าถึงง่าย

คิดว่าตัวเองเป็นวงที่ทำเพลงแนว Alternative Pop-rock ที่แตกต่างจากวงอื่นๆ ไหม

เน : ผมว่าอาจจะมีความแตกต่างตรงที่นักร้องมีความป๊อบคนเข้าถึงง่ายอยู่ แต่จริงๆ ดนตรีจะแอบใส่อะไรที่เราอยากเล่นเข้าไปด้วยผสมๆ กัน ก็เหมือนเป็นการทำแนวเพลงที่เหมือนจะขายไม่ได้แต่ยังมีนักร้องที่ขายได้อยู่อะไรประมาณนี้แล้วกันครับ

ทำไม AYLA’s ถึงทำแต่เพลงเศร้า

เปอร์ : ผมรู้สึกว่าการใช้เพลง ใช้เนื้อหาความเศร้ามันรีเลทกับคนได้ง่ายมากๆ เพราะว่าคนไทยชอบฟังเพลงเศร้ากันอยู่ รวมถึงตัวผมด้วย ตัวผมด้วยชอบเสพเพลงเศร้า สื่อเศร้าๆ หนังดราม่า ผมว่ามันเป็นเหตุผลที่เป็นอิทธิพลของการเขียนเพลงของผมครับ อาจจะทำให้คนชอบได้ไม่ยากครับผมประมาณนั้นครับ

แต่ละเพลงของ AYLA’s ถือว่าเป็นเพลงที่มีความหมายค่อนข้างลึก บางเพลงออกไปทางดิ่งด้วยซ้ำ รวมไปถึงชื่อเพลงที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของ AYLA’s อยากรู้ว่ามีวิธี หรือเทคนิคอะไรในการตั้งชื่อเพลง

อ๊อฟ :  ปกติแล้วชื่อเพลงของเรามาจาก ไนท์ที่เป็นมือกลอง เหมือนตั้งแต่เพลงแรกมาแล้วใช้ชื่อเพลงยาว ก็มีความปั่นอยู่ในนั้นแต่เพลงแรก พอเราทำไปเรื่อยๆ มันก็สั้นไม่ได้แล้วด้วย หลังๆ มาก็ให้ไนท์ช่วยเคาะชื่อเพลง

ออย : จริงๆ แล้วเราอยากคงคอนเซ็ปต์ตรงชื่อที่ยาวนี้ไว้ด้วยครับ แต่พอมาเป็นอัลบั้มแรกมันยาวใช่ไหมครับ กลายเป็นว่าตอนเรารวมอัลบั้มมันเหมือนเรียงความอันหนึ่งเลยครับชื่อเพลงของพวกเราอัลบั้มสองก็พยายามลดความยาวลงมาครับ

เพลงใหม่ล่าสุด “ในห้องเดิม” (Claustrophobia) มีที่มาหรือแรงบันดาลใจมาจากอะไร

เปอร์ : คอนเซ็ปต์ ในห้องห้องหนึ่ง เป็นคอนเซ็ปต์นี้มาตั้งแต่ก่อนจะจบอัลบั้มแรกแล้วด้วยซ้ำ เคยมาแชร์กับเพื่อนๆ แต่ไม่มีมีโอกาสได้ทำสักที จนมาถึงซิงเกิลใหม่นี้ก็อยากลองหยิบคอนเซ็ปต์เดิมที่เคยเก็บไว้ลองมาขยายความดู ว่าเราอาจจะเล่าถึงห้องห้องหนึ่งที่อาจมีความทรงจำอะไรต่างๆ กับใครสักคน แล้วพอวันนึงเขาไม่อยู่กับเราแล้วความทรงจำเรื่องราวต่างๆ สิ่งของต่างๆ รูปถ่ายต่างๆ มันยังอยู่ แต่คนคนนั้นไม่อยู่แล้ว เรายังอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อได้ เราอยากมูฟออนได้ เรายังมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมว่าห้องห้องนึงมันเป็นสิ่งที่ทุกคนมองเห็นได้อยู่แล้ว ทุกคนต่างมีห้องของตัวเอง

เปอร์ : ผมคิดว่ามันเข้าถึงง่ายดีนะครับ ถ้าเราจะเล่าห้องห้องหนึ่ง เพราะว่าเพลงปล่อยไป วันนึงคนก็มาแชร์เหมือนกันว่าปล่อยเพลงได้ถูกจังหวะมาก แม้จะเป็นวันวาเลนไทน์ก็ตาม

Process ของการทำเพลงนี้

เน : สำหรับเพลงนี้ก็เป็นการใช้โปรดิวเซอร์ในอัลบั้มแรกของเรา เราเคยใช้โปรดิวเซอร์ คือพี่อู๋ The Yers แล้วทีนี้พี่ปอนด์ (กฤษฎา วดีศิริศักดิ์) อยากมาลองทำเพลงด้วย จริงๆ พี่เขาก็ช่วยเราทำเพลงมาซักพักใหญ่ๆ แล้วเหมือนกัน เขาเลยแบบเราลองมาเป็น co-producers แบบเต็มตัว เขาก็ให้โจทย์แค่อย่างเดียวเลยว่าอยากได้เพลงช้าที่ช้าที่สุดของ AYLA’s เลยมาได้เป็นเพลงนี้ คือตั้งโจทย์แค่ว่าให้ช้าที่สุดไปเลย เราไม่เคยทำ แล้วพอได้พี่เขาเข้ามาช่วยแล้วก็เหลวขึ้นเยอะเลย สบายเลยทำงานง่ายมากครับ

โมเมนต์ที่ประทับใจในการทำเพลงนี้ของแต่ละคน

เปอร์ : ของผมมันจะแปลกใหม่นิดนึง ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเขียนเพลงนี้ที่บ้านคนเดียวครับ เพราะว่าเพลงนี้มันจะมีการที่เรียกว่า song camp เกิดขึ้น คือมานั่ง Brainstorm กันว่าเราควรจะเอายังไงกับเพลงนี้ดี ผมก็เลยเขียนเพลงนี้ไว้ในนั้นเลย เหมือนพี่ปอนด์เขาจะเอากระดาษมาให้แผ่นนึงแล้วให้ผมเขียนกับปากกาซึ่งส่วนตัวเป็นคนเขียนเพลงนี้อยู่ในโน้ตโทรศัพท์ครับ แล้วลองทำอะไรใหม่ๆ ก็อ่านลายมือตัวเองไม่ออกครับ (หัวเราะ)

เน : (หัวเราะ) แล้วภาพที่เห็นคือแย่มากทุกครั้งที่ได้เจอพี่ปอนด์ คือเขาจะโยนกระดาษให้ อ้าวเปอร์ คิดไรอยู่ เปอร์ลองคิดว่าเปอร์คิดอะไรอยู่แล้วมันเหมือนครูที่กำลังเค้นข้อสอบจากเด็กอะไรประมาณนี้ครับ มันฮาดี

เปอร์ : แล้วเหมือนมีเวลาจำกัด แล้วเขาก็ถามเป็นไงบ้าง เอามาดู เหมือนเราต้องส่งงานกับอาจารย์อะไรเงี้ยครับแปลกดีครับแต่ก็สนุกดีครับโมเมนต์นั้น

ออย : จริงๆ หลักๆ ก็ น่าจะสองคนนี้ที่โดนที่โดนประสบการณ์ ส่วนที่เหลือก็กับไนท์ด้วย อ๊อฟด้วยก็จะมาเสริมกันทีหลัง

อ๊อฟ : เหมือนส่วนใหญ่ดนตรีทุกอย่างจะเริ่มมาจากเนอยู่แล้วครับผมก็แค่ตามมาทีหลัง

ออย : มาคอยตบให้เข้าที่อีกทีนึงครับ

อยากส่งสารอะไรผ่านเพลงนี้ไปถึงคนฟัง

เปอร์ : เราอยากทำเพลงนี้มาเพื่อให้คนมูฟออนครับ เพราะว่าเรายังต้องใช้ชีวิตต่อไป เพราะมีหลายคนที่ฟังเพลง AYLA’s แล้วทำให้เขาหลุดพ้นจากตรงนั้นได้ อยากเก็บคำๆ นี้ไว้

เราอยากเป็นเพื่อนกับคนเศร้าทุกคน เราบอกเสมอว่าวันไหนที่คุณไม่มีใครยังมีเพลงของ AYLA‘s อยู่เป็นเพื่อนครับ

พูดถึงเรื่องคอนเสิร์ตกันดีกว่า ได้ข่าวว่าพอเปิดขายแล้ว Sold Out ทันทีเลย

เปอร์ : อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราไม่คาดการเหมือนกันเพราะว่า เหมือนคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม เรามองว่าอยู่ในลิมิต คนที่อยู่ใน 200-300 ตอนนั้น Sold Out ก็ว่าโอเค ตอนนี้เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยว คอนเสิร์ตแรก 1000 คนก็น่าจะกดกันเรื่อยๆ แล้วเหมือนวันนั้นมีน้องส่งมา บอกว่า “พี่ มัน Sold Out ใน 45 วินาที” ผมยังแทบไม่เชื่อเลย ผมรู้สึกว่า ขอบคุณมากๆ ที่มีคนให้การตอบรับเยอะขนาดนี้ ใครที่อยากให้มีรอบ 2 รอลุ้นนะครับผม

จุดเริ่มต้นในการทำคอนเสิร์ต

เน : ไอเดียจริงๆ มาจากค่ายครับ เขาก็คุยกันว่าเห็น potential ตอนที่เราเปิดอัลบั้ม และเหมือนหลายๆ คนก็ฟีดแบคมาว่าทำไมถึงไม่ทำคอนเสิร์ตที่มันจำนวนคนเยอะกว่านี้  ค่ายก็เลยเสนองานที่มันเป็นสเกลใหญ่ขึ้น โดยที่มันเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูป ตอนแรกก็คิดว่า 1000 คนน่าจะเรื่อยๆ ก็ไม่คิดว่าฟีดแบคมันจะขนาดนี้ครับผม ตกใจครับ 

เปอร์ : ตอนนี้ก็มีบางคนเอาตั๋วมาขายแบบรีเซล ก็อยากให้ใจเย็นนิดนึง อาจจะเป็นมิจฉาชีพก็ได้ อยากให้ดูดีๆ ครับผม เพราะว่ามีบางคนก็โดนโกงเยอะเหมือนกันครับ

มีอะไรแฝงอยู่ภายใต้ชื่อ “Once in a Blue Moon”

เน : เคยจะเป็นชื่ออัลบั้มมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เล่นกับคำว่า  “Once in a Blue Moon” หมายความว่าสิ่งที่ไม่ได้เกิดบ่อยๆ รู้สึกว่าคอนเสิร์ตเดี่ยวของวงมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นแบบในทุกปีอยู่แล้ว เลยคิดว่าอยากให้ทุกคนมา เพราะมันจะไม่ได้เกิดบ่อยแน่ๆ ครับ 

เปอร์ : รับรองว่าได้รับประสบการณ์เต็มอิ่มแน่นอน เราจะเล่นทุกเพลงของเรา และก็อยากให้ทุกคนได้มา ขอบคุณทุกคนมากๆ ขอบคุณทุกคนที่กดบัตรได้มากๆ 

เน : มีเซอร์ไพร์สแน่นอนครับ

สิ่งที่คาดหวังกับคอนเสิร์ตนี้

เน : ส่วนตัวผมคาดหวังให้คนไม่คาดหวังครับ เอาจริงๆ คือ ตอนที่จัดคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มก็ใส่ทุกอย่างที่มีไปแล้ว ทีนี้พอมาเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยว ก็ไม่รู้ว่าคนจะคาดหวังอะไรเหมือนกัน เพราะว่าเราก็ไม่ได้คาดหวังครับ

อ๊อฟ : ก็ตอนแรกเราคาดหวังให้คนมาเยอะๆ แต่ตอนนี้คือแบบบัตรมันก็ sold out มันก็เกินความคาดหวังไปแล้ว ครั้งนี้เลยคาดหวังให้เราทำออกมาดีที่สุดครับ

เปอร์ : แต่เต็มที่แน่นอนครับวันนั้น มี100 ใส่100 แน่นอน 

ออย : เดี๋ยวจะมีอะไรพิเศษๆ ให้ดูกัน

1 เพลงที่มีความเป็น AYLA’s มากที่สุด

เปอร์ :  ในห้องเดิมครับ เป็นเพลงใหม่ล่าสุดของพวกเราด้วย ยังคงคอนเซ็ปต์ของ AYLA’s ไว้อยู่แล้ว ความเศร้า ความดิ่ง เพลงนี้ก็รวมๆ นิยามคำคำนั้นไว้ทั้งหมดครับ

เน : เป็น AYLA’s เวอร์ชั่นที่ใหม่ที่สุด

1 สิ่งที่คนยังไม่รู้เกี่ยวกับ AYLA’s

เน : ผมกับอ๊อฟเป็นกรดไหลย้อนครับ มันเป็น fun facts ครับเวลาทัวร์ ปกติวงอื่นเค้ากินเหล้า กินเบียร์ส่วนเราซื้อยาลดกรดไปนอนกอดไว้ (หัวเราะ) 

เปอร์ : มีภาพนึงตลกมาก คือทุกครั้งที่นอน เนก็จะกำยาลดกรดแล้วก็นอน

อ๊อฟ : ยาลดกรด คือเขาต้องกินก่อนแล้วนั่งพักเพื่อให้นอนได้ แต่เพื่อนผมคือกินเสร็จปุ๊บแล้วก็นอนเลยมันบอกว่าตื่นมาจะได้ไม่เป็น (หัวเราะ)

ศิลปินที่อยาก Feat. ด้วย

ออย : ถ้าจุดเริ่มต้นของพวกเรา เราชื่นชอบพี่ๆ ANATOMY RABBIT มากๆ เลยคิดว่าเราอยากจะร่วมงานกับเขาสักครั้งนึง หรือว่าอยากทำอะไรกับเขาด้วยสักครั้งนึงครับ

เปอร์ : ตอนนั้นเหมือนฟังอินดี้ก็ฟังวงพี่ๆ เขา ซึ่งก็เป็นแรงบันดาลใจให้อยากทำเพลงด้วย ถ้ามีโอกาสก็อยากร่วมงานครับ

เน : มาเริ่มเจอพี่ๆ ตามงาน เราก็บอกไปนะว่าเราก๊อปเพลงเขามาเยอะเหมือนกัน (หัวเราะ)

ศิลปินในดวงใจของแต่ละคน

เน : ถ้าสำหรับผม ผมเคยเป็นแฟนเพลง Tilly Birds มาก่อน ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ครับ แต่ว่าสมัยนั้นเข้าเส้นเลยครับ ใส่เสื้อวงไปดูคนเดียว และก็โดนแซวว่าเป็นแฟนบอยครับช่วงนั้น 

ออย : จริงๆ ไม่ได้มีที่ชื่นชอบเป็นอันดับ 1 จะเน้นฟังไปเรื่อยๆ มากกว่า แล้วแต่ช่วงด้วยครับ

อ๊อฟ : ของผมก็เหมือนเนครับ แต่ว่าเป็นพี่ๆวง Zweed n’ Roll ครับ เพราะเคยไปซื้อบัตรคนเดียว ดูคอนเสิร์ตคนเดียว และก็มีเสื้อ อันนี้บอกนะ ไม่ได้ขิง (หัวเราะ)

เปอร์ : ของผมก็น่าจะยุคนั้น พี่ๆ วงสมเกียรติ (SOMKIAT) ครับ เพราะว่าตอนนั้นเหมือนกับว่าเหมือนพวกเรานี่แหละ ที่เป็นเพื่อนกัน ทำวงด้วยกันแล้ว สนุกสนานกันแล้ว ทำเพลง ผมก็มีพี่ๆ เขาเป็นไอดอลละกัน ตอนนั้น ทั้งการแต่งตัว ทั้งด้านการเพอร์ฟอร์ม ก็ได้มาจากพี่ๆ เขาเยอะครับ

ถ้าในวันนี้ยังไม่มีคนรู้จัก AYLA’s จะแนะนำให้เขารู้จักด้วยอะไร

เปอร์ : ก็ผ่านบทเพลงของพวกเราละกันครับ เพราะว่าเราตั้งใจจะทำเพลงกันจริงๆ ครับ เราชอบมัน และดีใจที่ทุกคนก็ชอบมันเหมือนเราครับผม เพลงเหล่านั้น มีบางคนก็บอกว่า มีแนะนำผ่านทางยูทูป และเขาก็ไปตามฟัง จนทำให้เขาทุกวันนี้ติดตาม AYLA’s ก็ขอบคุณมากๆครับผม อยากแนะนำให้ฟังเพลงของพวกเราครับ

การเดินทางของวงตั้งแต่ทำเพลงช่วงแรกจนถึงตอนนี้เป็นยังไง

เน : มันเริ่มจากที่ผมทำเพลงบนโน๊ตบุ๊กเก่าๆ เครื่องนึง ทุกวันนี้ก็เป็นโน๊ตบุ๊กเก่าๆ แค่เปลี่ยนเครื่อง (หัวเราะ) ก็สมัยก่อน ตอนทำเพลงช่วงแรกๆ ผมไม่รู้อะไรเลย เราก็ทำที่เราอยากทำ มีไมค์ตัวนึง ใช้เสียงกลองในโปรแกรม ก็ถือเป็นประสบการณ์มันทำให้เป็นเราในทุกวันนี้ เราจะได้เห็นค่าสิ่งที่ผ่านมา พอเรามองย้อนไป ไอ้สิ่งตลกๆ เหล่านั้นมันคือสิ่งที่มีค่ามากๆ  ในขณะที่การอัดในสตูดิโอมันได้ quality ก็จริง แต่อะไรอย่างนั้นมันหาไม่ได้ ที่เป็นความทรงจำของวง

เปอร์ :  ซึ่งซิงเกิลแรกๆ เรายังรวมอยู่ในอัลบั้มด้วย เราคิดว่าจะไม่ทิ้ง เราคิดว่าอยากให้มันเป็นเหมือนการเดินทางของ AYLA’s ที่ทำให้ AYLA’s มาถึงทุกวันนี้ได้ครับ

การเดินทางของ  AYLA’s  ให้อะไรกับแต่ละคน

เน  : ให้เงินครับ

เปอร์ : ตรงจัด (หัวเราะ)  ผมว่าสิ่งเดียวที่เหมือนกัน คือเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ และสิ่งที่เรารักจริงๆ จาก  passion ของเราจริงๆ ครับ เรามีความสุขเสมอที่ได้เล่นคอนเสิร์ต และได้เจอคน และคนเหล่านั้น ร้องเพลงของพวกเราได้ อันนี้น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่เหมือนกัน 

เน : ก็ดีครับได้ประสบการณ์ด้วย ได้เจอคนเยอะๆ จริงๆ ถ้าเป็นแฟนคลับที่ตามบ่อยๆ ก็จะรู้ว่าทุกคนคุยกับเราได้เป็นเพื่อนเลย บางคน อย่างแฟนคลับอ๊อฟ มีแรกๆ ทักมาคุย หลังๆ ส่ง rells ให้กันละ สนิทจัด เหมือนได้เจอเพื่อนมากขึ้นครับ ก็ไม่ได้ถือตัวเป็นศิลปินอยู่แล้ว ก็ตบหัวได้ เล่นเลอะเทอะได้หมดเลย

วางภาพอนาคตของ  AYLA’s ไว้ยังไง

ออย : ผมว่าจริงๆ แล้ววงเราไม่ได้มองเป็นสเต็ปใหญ่ๆ ครับ วงเราจะมองเป็นทีละก้าว สิ่งที่เราจะทำได้ในอนาคต ในระยะสั้นๆ นี้มากกว่าครับ แต่ว่าอย่างบางวงเขาจะมองเราอยากไปเล่นงานต่างประเทศ งานใหญ่นู้น งานใหญ่นี่

เปอร์ : คอนเสิร์ตใหญ่ ราชมังฯงี้

ออย : แต่ของเราจะมองแค่ว่า 

อ๊อฟ : พรุ่งนี้ทำอะไร 

เปอร์ : พรุ่งนี้จะตื่นมาทำอะไรดี 

อ๊อฟ : มันเป็นแบบว่า วันนี้ตื่นมาปุ๊ป แพลนว่า จะหมดวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ทำอะไรดี เราทำเพลงเสร็จปุ๊ป เรามีอัลบั้ม และก็เหมือนกับว่า พรุ่งนี้ทำอะไรต่อ เหมือนเราก็มีคอนเสิร์ต เปิดอัลบั้ม และก็จบปึ๊ป และก็คิดแพลนว่าอัลบั้ม 2 ไม่ได้มองเป็นภาพใหญ่ๆ ว่าแบบปีนี้ทำอันนี้เสร็จ ปีหน้าทำอะไร เราไม่ได้คิดอะไรประมาณนั้นครับ

ดนตรีมีอิทธิพลยังไงกับ AYLA’s 

ทุกคน : โห

เปอร์ : สำหรับผมถ้าไม่มีดนตรี ถ้าไม่ได้ทำวงก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ อาจจะเป็นเศรษฐีไปแล้วก็ได้ ไม่ใช่ๆ (หัวเราะ) ไม่รู้ตอนนี้จะทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำครับ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ชอบ เป็นสิ่งที่รักมันมากจริงๆ ครับ เพราะว่าทุกเพลงที่ทำก็ เต็มที่กับมันทุกเพลง ขอบคุณมากๆ ที่ซัพพอร์ตเรามาขนาดนี้ครับ ขอบคุณดนตรีที่เกิดมาบนโลกนี้ ขอบคุณคนคิดค้นด้วยที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไรครับผม สุดยอดมากๆ ครับผม

เน : ก็คล้ายๆ เปอร์ครับไม่มีดนตรีก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็คิดว่าวงก็คงแยกย้าย ไม่ได้เป็นเพื่อนเจอกันทุกวันครับ ก็สำคัญมากครับ ก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่ผมไม่คิดว่าจะไปทำอาชีพอื่นแล้ว เพราะว่าผมทำอะไรไม่เป็นแล้วครับ 

ออย : เหมือนว่าทุกคนในวงทำงานฝั่งของดนตรีนี้เป็นหลัก ไม่ได้มีอะไรสำรองเลยครับ เพราะงั้นเราก็ขอบคุณดนตรีเหมือนกัน เราก็ดั้นด้นเล่นมาจนเป็นวงได้ครับ ขอบคุณดนตรีมากๆ ครับ

อ๊อฟ  : ผมว่าดนตรีก็ทำให้เราได้เจอคนเยอะขึ้น ทำให้เราได้เจอกับแฟนคลับ ก็ขอบคุณดนตรีเหมือนกันครับ

Contributors

หนูโฟมฟาร์มคอนเทนต์จูเนียร์ ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ เรื่องราว เรื่องเล่า และเรื่องชาวบ้าน

มิวเมลผู้หลงไหลการเดินป่าและท่องโลกกว้าง เสียงเพลงคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจ แล้วเมื่อไหร่จะได้รักกัน