“ผมคิดว่าพวกเราเป็นวงที่มาเพิ่มสีสันให้กับค่าย GeneLab ครับ (หัวเราะ)” คำตอบจาก กีต้าร์ หนึ่งในสมาชิกวง เมื่อเราได้ถามถึงสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และสไตล์เฉพาะตัวของ ADORA

ADORA คือวงดนตรีลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นจากค่าย Gene Lab ประกอบด้วยสมาชิกสี่คน ได้แก่ กีต้าร์ (ร้องนำและเปียโน), ฮิโรชิ​​ (กีตาร์), นาม (กลอง), และต้าร์ (เบส) พวกเขาร่วมกันรังสรรค์บทเพลงและเมโลดีสไตล์ “อัลเทอร์เนทีฟร็อก” ที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว

ปี 2566 Rhythm เคยมีโอกาสได้คุยกับ ADORA ถึงที่มาที่ไปของวงในช่วงที่เปิดตัวกับค่าย Gene Lab ด้วยเพลงเดบิวต์ Ms. Brainwash

1 ปีต่อมา Rhythm กลับมาคุยกับ ADORA อีกครั้ง เพื่ออัปเดตเส้นทางของวง ณ ปัจจุบัน รวมไปถึงการกลับมาของซิงเกิลใหม่ล่าสุด Haru Kaze no Nake de เพลงที่อัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจจากความรักและความสดใสท่ามกลางดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ

เอกลักษณ์และสไตล์ของ ADORA

กีต้าร์ : ADORA เป็นวงที่น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้ค่ายมีความหลากหลายมากขึ้น เรานิยามตัวเองว่าเป็น Alternative Rock ที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นเข้ามา แต่ไม่ได้เรียกตัวเองว่า J-Rock หรือ J-Pop เพราะจุดตั้งต้นเราไม่ได้เริ่มที่ญี่ปุ่น หรือเป็นคนญี่ปุ่น ถึงเราจะมีสมาชิกคนหนึ่งเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นอยู่ในวงก็ตาม (หัวเราะ) แต่เราก็อยากนิยามว่าเป็น Alternative Rock มากกว่า

แรงบันดาลใจที่มาของเพลง Haru kaze no nakade

กีต้าร์: เพลงล่าสุดมีแรงบันดาลใจจากความรักระหว่างชายหญิง บอกเล่าความสุขเมื่ออยู่ด้วยกันครับ เพลงนี้เป็นเพลงรักที่หวานซึ้ง ส่วนชื่อเพลงคือ Haru Kaze no Nake de แปลว่า “ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ” ซึ่งเนื้อหาเพลงเปรียบผู้หญิงเหมือนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่งดงามอยู่ในสายลมนั้น

กีต้าร์:กระบวนการทำเพลงก็เริ่มจากเล่นกีต้าร์โปร่งแล้วแต่งเพลงด้วยกัน ก่อนจะส่งต่อให้ทีมโปรดิวเซอร์เพิ่มรายละเอียดต่อ

ฮิโรชิ: จริงๆ มันเริ่มจากฟีลลิ่งอินเลิฟ แล้วค่อยพัฒนาจากตรงนั้นครับ (หัวเราะ)

มุมมองเรื่องดนตรีกับความรัก

ฮิโรชิ : ผมว่าดนตรีส่วนใหญ่ ทั้งในไทยหรือว่าทั่วโลก ก็มักจะมาจากเรื่องความรัก เวลาเรารู้สึกอะไรก็เอามาเล่าในดนตรี ผมว่าดนตรีกับความรักมันเป็นเรื่องที่เล่าไปด้วยกันได้ดี

กีต้าร์ : ความรักก็เป็นสิ่งหนึ่งในความรู้สึกนั้น ผมรู้สึกว่าดนตรีมันเป็นศิลปะที่พูดถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเป็นของคู่กัน

นาม : ความรักมันเป็นสิ่งที่สามารถแสดงออกได้จากอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งดนตรีก็เป็นหนึ่งสิ่งที่แสดงความรักออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนก็ตาม

ต้าร์ : อยากให้คนที่ฟังเพลงหรือดู MV นี้ ไม่จำเป็นต้องมองว่าเป็นความรักแบบคู่รัก แต่จะมองว่าเป็นความรักแบบมิตรภาพระหว่างเพื่อนก็ได้

กีต้าร์ (ร้องนำและเปียโน) – ฮิโรชิ (กีตาร์)

เพลงนี้ถือว่าเปลี่ยนแนวดนตรีจากเพลงก่อนๆ เลยไหม

ฮิโรชิ : ผมว่าเปลี่ยนนะ เพราะแนวของพวกเรามันคือ Pop ตั้งแต่เพลงแรก แต่จะเรียกว่าวนกลับมาใช้ดีกว่า

กีต้าร์ : เราไม่ได้จำกัดแนวอยู่แล้วว่า ADORA ต้องเป็นแนวอะไร แต่ถ้าถามว่าฉีกจากเพลงเก่าๆ ไหม ก็ฉีกอยู่นะ

นาม (กลอง) – ต้าร์ (เบส)

ได้ยินมาว่าเพลงนี้ได้เหล่าเด็กๆ ชาวญี่ปุ่นมาร้องคอรัสด้วย

นาม : ถือว่าเป็นโมเมนต์ประทับใจในช่วงทำเพลงเลย เพราะถ้าได้ฟังเพลง

ก็จะได้ยินเสียงเด็กร้องคอรัส ลาลาลา กัน

กีต้าร์ : เป็นโมเมนต์ประทับใจเพราะว่า นอกจากเปิดประสบการณ์ให้น้องแล้ว ยังเปิดประสบการณ์ของพวกเราด้วย เป็นการมอบโอกาสให้น้องๆ ทั้งสี่คนได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และพวกเราก็รู้สึกแฮปปี้ที่ได้เห็นตรงนั้นมีสีสันขึ้นมา

อยากส่งสารอะไรผ่านเพลงนี้

กีต้าร์ : รักกันให้เยอะๆ ครับ ก่อนเขาจะไม่ได้อยู่ข้างคุณ

นาม : ทำไมจบเศร้าจัง (หัวเราะ) เพลงนี้อยากส่งสารให้คนฟังมีความสุข ความสนุกกับความรักและคนรักในทุกๆ วัน

ภาพในอนาคตของ ADORA

นาม : อยากให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

กีต้าร์ : ใช่ครับ อยากให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็คิดว่าวงก็อยากจะเป็นอย่างงี้ต่อไป ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง มีเอกลักษณ์ตัวเอง ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม ก็อยากให้อยู่ไปต่ออีกยาวๆ นานแสนนาน

ขอ 3 คำให้กับ ADORA

ต้าร์ : ขอ-มัน-มัน

ฮิโรชิ : “อะ-โด-ร่า” สามคำละ

นาม : อะ-โด-ร่า ไปแล้ว “อะ-รา-โด้” ละกัน (หัวเราะ)

Contributors

อาร์ตไดผู้รักงานออกแบบที่เขียนคอนเทนต์ได้นิดหน่อย ชอบเล่าตัวเลขและข้อมูลด้วยภาพ ชอบกินเส้นมากกว่าข้าว ชอบดูหนัง ชอบแมว และชอบเธอ