หากชวนไปเที่ยวนครศรีธรรมราช หลายคนอาจนึกถึงทะเลและภูเขา แต่วันนี้เราจะพาลองเที่ยวแบบตระเวนที่นครศรีธรรมราช เพราะจริงๆ แล้วเมืองนครศรีธรรมราชก็เที่ยวแบบเดินกินเล่นกันแบบชิลล์ๆ ได้ เราไปเที่ยวนครศรีธรรมราชช่วงหน้าร้อนกันพอดี (จริงๆ ก็ไปทำงานนั่นแหละ) ตอนแรกคาดการร์ไว้ว่าอากาศคงร้อนจนต้องซับเหงื่อระหว่างเดินหาร้านข้าวแน่ๆ แต่อากาศที่นี่ไม่ร้อนอย่างที่คิด เรียกได้ว่าเป็นหน้าร้อนที่เหมาะกับการเดินเที่ยวสบายๆ ใส่เสื้อผ้าง่ายๆ แล้วเดินเท้าหาอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ กินกัน

คอลัมน์อาหารการกินวันนี้จึงอยากเปิดลายแทง 4 ร้านอาหารเด็ดถูกใจกองบก. Rhythm ชวนให้ทุกคนได้ลองไปช่วยกันชิมว่าอาหารที่ถูกปากพวกเรา จะถูกปากใครหลายๆ คนเหมือนกันไหม (แต่กองบก. ค่อนข้างมั่นใจว่า 4 ร้านนี้ต้องตรึงใจทุกคนแน่นอน) ตระเวนกินรอบนี้เราเดินทางกันแบบไม่เช่ารถขับในเมืองนครฯ แต่ใช้วิธีการเดินเท้าตลอดวันแทน รับประกันเลยว่าแต่ละร้านใช้เวลาเดินทางไม่นาน เพราะย่านนี้เป็นย่านที่เหมาะกับการเดินเที่ยว และแวะชิมอาหารท้องถิ่นนครศรีธรรมราชมากจริงๆ

01
ดำกันเอง

เดินออกจากที่พักไม่ไกลนัก เราก็มาถึงทางข้ามสี่แยกที่ฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหารสีขาว ติดป้ายเด่นหราว่า “ดำกันเอง” ชื่อร้านที่ดูไม่เหมือนใคร ทำให้เรานึกสงสัยจนได้พูดคุยถึงที่มาที่ไปของชื่อนี้กับคุณจารี ศาสน์ประดิษฐ์ ครอบครัวของคุณดำ-จารึก ศาสน์ประดิษฐ์ เจ้าของร้านดำกันเอง 

“เมื่อก่อนร้านดำกันเองเคยทำเป็นลูกจ้างกรีดยางมา 5-6 ปี หลังจากนั้นค่อยขยับขยาย จนโกดำมาชวนเปิดร้านอาหาร และที่ชื่อร้านชื่อนี้เพราะโกดำเป็นคนกันเองกับลูกค้าทุกคน ลูกค้ามากินก็ไม่มีทวงถามเรื่องจ่ายเงิน ใครมากินก็เซ็นไว้ก่อนได้เลย แล้วค่อยมาจ่ายทีหลัง แกอารมณ์ดี เป็นคนกันเองง่ายๆ เราเปิดมา 40 ปีแล้ว ที่นี่ก็เป็นร้านอาหารจีนด้วย อาหารใต้ด้วย แล้วเราก็ยังรับทำโต๊ะจีนด้วย แต่ก็จะมีเมนูอาหารไทยผสมผสานเข้าไปด้วย”

ร้านดำกันเองมีบรรยากาศสบายๆ ข้างร้านยังมีโต๊ะขายกับข้าวแบบแยกถุงด้วย จนเราได้รู้มาว่านอกจากเป็นร้านอาหารตามสั่งและรับจัดโต๊ะจีนแล้ว ร้านดำกันเองยังมีข้าวแกงแบบแยกถุงขายให้ซื้อกลับกินที่บ้านโดยไม่ต้องนั่งรอกันแล้ว ซึ่งเมนูประจำร้านดำกันเองที่ใครมาก็ต้องลองสั่งกินสักครั้งคือ แกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าว

“แกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าวเป็นเมนูที่ทางร้านเราทำก่อนใครเลย เพราะมีลูกค้าอยากลอง เมื่อก่อนยังไม่มีเมนูนี้นะคะ แต่ลูกค้าก็ถามว่าเราทำให้ได้ไหม เราก็ทำให้ได้ค่ะ เพราะตอนแรกเมนูนี้จริงๆ เป็นเมนูแกงส้มหน่อไม้ดอง  แต่ลูกค้าบางคนบอกว่าเผ็ดเกินไป เราก็คิดว่าทำยังไงให้เผ็ดน้อยลงเพื่อให้ลูกค้ากินได้ ก็เลยหาวัตถุดิบจนได้ยอดมะพร้าวที่นำมาใส่แล้วมันลงตัว เราเอามาแทนหน่อไม้ แล้วก็เอามาคว้านใส่แกงให้ลูกค้ากิน ลูกค้าทุกคนก็ติดใจ เมนูนี้เลยเป็นเมนูประจำร้านที่ ถ้าใครมาที่นครฯ แล้วไม่ได้มาถึงร้านโกดำแปลว่ามาไม่ถึง”

คุยกันไม่นานคุณแม่จารีก็ขอตัวเข้าครัวไปเตรียมอาหารจานเด็ด 5 เมนูมาแนะนำให้พวกเราได้ชิมกัน เริ่มเสิร์ฟง่ายๆ คือไข่เจียว แล้วตามด้วยแกงส้มปลากระพงร้อนๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน รสชาติไม่เผ็ดจนเกินไป มีความกลมกล่อม เนื้อปลานุ่มลิ้นไม่คาว เรียกได้ว่าเรายกซดน้ำแกงกันจนแทบวางช้อนไม่ลงเลยทีเดียว จานที่สามคือเมนูหมูป่าผัดเผ็ดสะตอ เมนูนี้รสชาติจัดจ้านขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เป็นเมนูน้ำขลุกขลิกที่เกือบคล้ายกับผัดถั่ว แต่ผัดเผ็ดสะตอจะมีความรสจัดมากกว่า และไม่ติดหวานเท่าผัดถั่ว ต่อมาจานที่สี่คือต้มยำรวมมิตร บอกเลยว่าจานนี้ก็เด็ดไม่แพ้กับแกงส้มปลากระพง ความแซ่บถึงเครื่องของน้ำต้มยำคือความไม่เปรี้ยวจนเกินไป มีความเผ็ดพอดีสมกับเป็นต้มยำจริงๆ

เนื้อกุ้งเนื้อปลาหมึก รวมถึงเนื้อสัตว์ทะเลก็สดใหม่ ให้มาแบบไม่อั้น มาถึงจานสุดท้ายที่รถชาติเบาลงมาหน่อย เป็นผัดผักบุ้งไฟแดงที่ตัดรสชาติความจัดจ้านของเมนูแกงและต้มยำได้อย่างพอดิบพอดี และที่สำคัญเลยคือ ร้านดำกันเองขายแกงรสชาติอร่อยคุณภาพดีในราคาไม่แพง รับรองว่าใครได้กินก็คุ้มค่าและติดอกติดใจเหมือนเราแน่นอน

“ใครที่แวะมาเที่ยวที่นครฯ อย่าลืมแวะมากินร้านของแม่ แม่ขายราคาไม่แพง ไม่เอาเปรียบลูกค้าเลย ดำกันเองไม่ขึ้นราคาอาหารเลย ราคาไหนราคานั้น รับประกันความอร่อย แต่ถ้าบอกว่าไม่อร่อยแม่ก็ปรับเปลี่ยนให้ได้เสมอ มาที่นี่ก็ห้ามพลาดแกงส้มเลย ไม่ได้ลองก็เหมือนมาไม่ถึงนครฯ”

02
ย่งเซ้ง

เราเปลี่ยนบรรยากาศมาลองเดินหาของอร่อยกินในท่าวัง-ท่ามอญยามเช้าดูบ้าง เดินเลียบถนน จำเริญวิถีไปไม่นานก็พบร้านอาหารเช้าที่มีคนเดินเข้าออกอยู่ไม่ขาดสาย ไม่รอช้าก็ต้องแวะเข้าไปลองชิมกันเสียหน่อยว่าร้านนี้มันอะไรให้เราได้ฝากท้องกันบ้าง

ร้านย่งเซ้ง หรือร้านป่ากล้วย คุณต๊ะ-พิสิฐพงศ์ แซ่โค้ว ลูกชายเจ้าของร้านย่งเซ้งเล่าให้เราฟังว่า

“คนในพื้นที่จะเรียกที่นี่ว่าร้านป่ากล้วย เพราะแม่เคยเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะสร้างบ้านตรงนี้ประมาณ 50 ปีที่แล้ว ที่นี่เคยเป็นป่ากล้ว ซึ่งร้านนี้ก็เป็นร้านที่ทำกันมานานแล้ว เราช่วยกันในครอบครัว ส่วนใหญ่ในร้านก็เป็นพี่น้องกันหมดเลย ที่นี่คนเขาจะชอบมากินเกาเหลากันมากที่สุด แล้วก็มีต้มเลือดหมูใส่จิงจูฉ่าย มีโจ๊กหมูโจ๊กปลา มีขนมจีบซาลาเปา และน้ำชา กาแฟด้วยครับ” 

ปกติเราคุ้นชินกับต้มเลือดหมูที่ใส่ใบตำลึง นานๆ หนจะได้เห็นร้านที่ใส่ใบจิงจูฉ่ายในต้มเลือดหมูด้วย ซึ่งจิงจูฉ่ายถือเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในเรื่องของการสมดุลและการขับสารพิษในร่างกายได้ด้วย

“เอกลักษณ์ของร้านเราก็ต้มเลือดหมูเลยครับ เพราะต้มเลือดหมูของเราไม่คาวเลย และเราก็ใช้จิงจูฉ่ายแทนตำลึกที่ส่วนใหญ่ร้านอื่นๆ เขาไม่ใช้กัน อันนี้ก็เป็นสูตรของบ้านเราที่ส่งทอดกันมา ถ้าใครอยากลองชิมก็แวะเข้ามาได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลยครับ เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด โดยเฉพาะช่วงเทศกาลเราก็ไม่หยุดครับ ช่วงเทศกาลคนยิ่งเยอะเลยเพราะคนที่กลับบ้านเกิดเขาก็กลับมากินที่ร้านเรา เรียกว่าเป็นการกินจากรุ่นสู่รุ่นเลยด้วยก็ได้ครับ เพราะเมื่อพ่อแม่เขาพามากินที่ร้านเราตั้งแต่เด็กๆ พอโตแล้วเขาก็มากินอีก ต่อให้ไปทำงานไกลๆ แล้ว กลับบ้านเกิดมาก็ต้องกลับมากินอยู่ดีครับ ถ้าใครมาเที่ยวที่เมืองนครฯ ก็แวะมาลองดูได้ครับ คนที่ไม่กินเครื่องในก็ทานได้แน่นอน เพราะต้มเลือดหมูของเราสดใหม่ อร่อยและไม่คาวเลย รับประกันครับ” 

เจ้าของร้านคอนเฟิร์มกับเราหลายครั้งขนาดนี้ แน่นอนว่าเราต้องไม่พลาดชิมเมนูเด็ดเหล่านี้ของร้านแน่นอน เริ่มด้วยเครื่องเคียงรองทองอย่าง ปาท่องโก๋ ขนมจีบและซาลาเปา โดยขนมจีบมีทั้งไส้หมูและไส้กุ้งที่อร่อยลงตัว ไม่ติดหวานไปและไม่เค็มไป รวมถึงซาลาเปานุ่มๆ ที่มีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม ส่วนผู้เขียนชอบไส้หมูมากเป็นพิเศษ เพราะไส้ให้กันมาแบบจุกๆ เนื้อหมูสับเต็มคำ ชิมเครื่องเคียงกันพอหอมปากหอมคอแล้วไปต่อกันที่โจ๊กหมูไข่ลวกพูนชาม  พร้อมด้วยอาหารจานหลักของมื้อนี้คือ ต้มเลือดหมู ที่เครื่องในไม่คาว แถมยังมีชามแยกของผักจิงจูฉ่ายมาให้สำหรับคนชอบกินผักอีกด้วย และปิดท้ายมื้อเช้านี้ด้วยชาร้อนๆ ตามด้วยชาไทยเย็นที่เป็นชาแท้ๆ ไม่หวานเลี่ยนแต่ได้รสชาติชาไทยอย่างเข้มข้น

03
ร้านบังบ่าว

เรายังคงพาทุกคนเดินตระเวนกินอาหารอร่อยในย่านนี้อีกเช่นเคย ร้านที่สามเป็นร้านท้องถิ่นที่ไม่ว่าใครก็ตามต้องห้ามพลาดหากมาถึงเมืองนครฯ เราเดินข้ามสะพานเหล็กสีแดงกลางย่านท่าวัง-ท่ามอญเลียบถนนราชดำเนิน ก่อนจะเดินต่อมาที่บวรบาซาร์ เวิ้งตึกเก่าหรือที่เรียกกันว่าตึกยาวบวรนคร ถือเป็นเวิ้งที่มีสถาปัตยกรรมก่ออิฐถือปูนอาคารแรกๆ ของนครศรีธรรมราช เป็นเวิ้งเก่าสำคัญในย่านท่าวัง-ท่ามอญที่ตอนนี้มีร้านโรตีเจ้าดังตั้งอยู่ภายในคือ ร้านโรตีบังบ่าว สาขานครบวรนั่นเอง 

หลายคนอาจจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับร้านโรตีมากนัก แต่เราต้องบอกตรงนี้เลยว่า โรตีร้านบังบ่าวอร่อยชนิดที่เรียกได้ว่าแสงออกปากจริงๆ เพราะโรตีที่นี่เป็นโรตีสไตล์ภาคใต้ที่กินกับเครื่องแกงได้อย่างลงตัว และนอกจากเมนูโรตีแล้ว ยังมีเมนูกับข้าวและเมนูน้ำชาที่อร่อยนัวทุกจานเลยจริงๆ 

ร้านบังบ่าวมีเจ้าของคือลุงบ่าวหรือบังบ่าว-วิศิษฐ์ ราชสาร เห็นว่าบังบ่าวเปิดร้านมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสักประมาณ 26-27 ปี และได้เปิดร้านพร้อมกับเพื่อนที่ชื่อลุงไข่ ซึ่งตอนนี้ลุงไข่เป็นคนช่วยดูแลเรื่องโรตี และลุงบ่าวเข้าครัวดูแลเรื่องเมนูอาหารต่างๆ ในร้านแทน สาขาแรกที่เปิดคือสาขาบวรบาซาร์ และยังมีสาขาอื่นๆ ที่บังบ่าวได้ให้ลูกหลานขยายร้านต่อไป แต่การันตีได้เลยว่า ไม่ว่าจะไปกินที่สาขาไหนก็ยังคงรสชาติดั้งเดิมของโรตีและเมนูของบังบ่าวได้เหมือนเดิม ในนครศรีธรรมราชตอนนี้ นอกจากสาขาบวรบาซาร์แล้วยังมี  สาขาหน้าวัดพระธาตุ สาขาคูขวาง สาขาประตูลอด สาขาปากนคร สาขาทุ่งสงและสาขา Iconsiam 

รอบนี้เราได้น้องๆ ในร้านบังบ่าวมาเสิร์ฟและแนะนำเมนูให้ คุณเดียร์-ศศินา สัพโรจน์ เสิร์ฟ 6 เมนูจัดมาให้เราแบบจุกๆ ซึ่งจัดเป็นเซ็ตเมนูโรตี 3 เมนู และเมนูแกงอีก 3 เมนู พร้อมกับอธิบายเมนูให้เราฟังกันก่อนจะเริ่มได้ลิ้มลองโรตีสูตรต้นตำรับเมืองนคร

“เมนูประจำร้านคือข้าวหมกไก่ค่ะ เพราะว่าข้าวหมกไก่ของเราไม่เหมือนที่ไหน เราใช้เครื่องเทศที่ไม่เหมือนใคร เมนูนี้จะมีความหอมของเครื่องเทศ ซึ่งโดยปกติลูกค้ามักจะสั่งข้าวหมกไก่แล้วกินคู่กับแกงแพะ เพราะสมองเมนูนี้มีรสชาติที่เข้ากันลงตัวค่ะ ทั้งสองเมนูนี้จะเป็นสูตรจากทางร้านเลย มีโรตีกล้วยกับโรตีมะตะบะที่กินคู่กับน้ำจิ้มอาจาด เป็นการกินโรตีตามสไตล์ภาคใต้ ซึ่งร้านบังบ่าวขึ้นชื่อเรื่องโรตีมาก และถ้าไม่กินกับอาจาดก็กินกับนมข้มก็ยังอร่อยเหมือนกันค่ะ ซึ่งโรตีที่ทางร้านมักแนะนำลูกค้าใหม่ทุกท่านเลยคือโรตีมะตะบะไก่ค่ะ เพราะลูกค้าทุกคนติดใจมาก เป็นโรตีรสชาติต้นตำรับ เมืองนครฯ จริงๆ เรียกได้ว่าถ้ามาถึงนครศรีธรรมราชแล้วไม่ได้กินโรตีบังบ่าว ก็เหมือนมาไม่ถึงค่ะ”

ในส่วนของโรตีกล้วยและโรตีแกงเนื้อที่เป็นที่นิยมของร้านเช่นกัน โรตีแกงเนื้อคือการนำโรตีตบหรือโรตีที่ทำด้วยแป้งโรตีเปล่ามาขดเป็นก้อน ตบให้นิ่ม 3-4 ครั้งแล้วทอด นำไปจิ้มกับแกงเนื้อสูตรภาคใต้ ที่จิ้มกินด้วยกันแล้วความลงตัว หรือกินแค่แป้งโรตีตบเพียวๆ ก็ยังอร่อย จนลูกค้าที่ตั้งใจมากินโรตีที่นี่ต้องสั่งเมนูนี้เสมอ

นอกจากข้าวหมกไก่และแกงแพะแล้วยังมีข้าวขาวัว เป็นเมนูใหม่ที่เพิ่งเสิร์ฟที่แรกของสาขานครบวร ความลงตัวของเมนูคือความคล้ายคลึงเมนูข้าวขาหมู แต่เปลี่ยนจากขาหมูเป็นขาวัว ขาวัวเนื้อนุ่มละลายในปาก เรียกได้ว่าอร่อยลงตัวทุกเมนู ร้านเปิดตั้งแต่ 08.00 – 20.00 กินเป็นข้าวเช้าก็ได้หรือจะกินเป็นข้าวเย็นก็ดี 

04
ไอศกรีมเด่นไทย

แน่นอนว่ากินคาวก็ต้องกินหวาน เราส่งท้ายกันด้วยร้านของไอศกรีมในตำนานของย่านท่าวัง-ท่ามอญอย่างร้านไอศกรีมเด่นไทย ไม่มีใครในย่านนี้ที่จะไม่รู้จักร้านนี้ เพราะร้านนี้เปิดมานานกว่า 66 ปี แถมยังขายดิบขายดีทุกวันถึงขั้นที่ต้องโทรสั่งกันล่วงหน้าก่อนเลยทีเดียว 

ผึ้ง-พัชรีรัตช์ วัฒนพงศารัตน์ ทายาทร้านไอศกรีมเด่นไทยที่กำลังรับช่วงต่อจากรุ่นพ่อและรุ่นอากงอาม่า มานั่งพูดคุยกับเราเล็กน้อยว่าอะไรที่ทำให้ไอศกรีมเด่นไทยเป็นที่ติดอกติดใจคนทุกวัยในเมืองนครศรีฯ ได้ขนาดนี้ 

“เอกลักษณ์ของเราคือ การทำไอศกรีมจากกะทิสดเลยที่ปั่นวันต่อวัน ต้องย้ำว่าเราปั่นไอศกรีมกันแบบวันต่อวันเลย เราจะไม่เว้นช่วง 3-4 วันแล้วค่อยปั่น เพราะเราอยากให้เกิดความมั่นใจว่าสดแน่นอน เพราะว่าลูกค้าเห็นเลยว่า เครื่องปั่นเเป็นแบบไหน เพราะมีอยู่หลายครั้งลูกค้าก็มักถามว่า ไอศกรีมแบบนี้ที่ร้านไปรับจากที่ไหนมาขาย ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่ได้รับมา เพราะเราทำเองทั้งหมดเลย นี่เลยเป็นในหนึ่งเหตุผลที่เราตั้งเครื่องปั่นเอาไว้หน้าร้าน ลูกค้าจะได้เห็นว่าเราปั่นเองจริงๆ ปั่นสดทุกวันด้วยค่ะ ซึ่งสูตรที่ใช้ในการปั่นไอศกรีมก็ปรับตามรุ่นที่รับช่วงต่อ เราเป็นรุ่นของพ่อแม่ที่ต่อจากอากงอาม่า ก็จะมีปรับสูตรไปบ้าง แต่ยังคงเอกลักษณ์ของเราไว้อยู่ ที่มีความสดใหม่ ไม่หวานเกินไป ใช้วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพและราคาไม่แพงด้วย”

นอกจากการปั่นไอศกรีมที่สดใหม่ทุกวัน ไอศกรีมเด่นไทยยังใส่วัตถุดิบที่ไม่เหมือนใครตั้งแต่ เม็ดบัว ลูกเกด ลูกชิดและพุทรา ความพิเศษที่สุดคือเม็ดบัวลูกใหญ่ที่คัดมาจากเมืองจีนที่นำเข้ามาจากตลาดเยาวราช ที่ใช้เม็ดบัวจากประเทศจีน เพราะพันธุ์บัวจากประเทศจีนมีลูกใหญ่เนื้อเยอะ และมีรสชาติดีกว่าเม็ดบัวของพันธุ์ไทย ความใส่ใจในวัตถุดิบทำให้ลูกค้ายังคงติดใจและมีออเดอร์เข้าร้านทุกวัน 

คุณภาพเต็มเปี่ยมขนาดนี้แต่ไอศกรีมเด่นไทยยังขายไอศกรีมกะทิสดในราคาถ้วยละ 20 บาท ที่ได้ไอศกรีมถึงสี่ลูก และแบบพิเศษในราคาแค่ 40 บาทที่คุ้มจนกินคนเดียวยังรู้สึกอิ่มท้องได้ 

“ความสุขของเราคือ การได้เห็นลูกค้าทุกคนที่มาอุดหนุนเขาชอบไอติมที่นี่ เราดีใจที่อย่างน้อยลูกค้าได้กินของดี ๆ และเขาก็ชื่นชอบด้วยราคาไม่แพง เราไม่อยากขายของที่มีราคาสูงจนทุกคนจับต้องไม่ได้ อยากให้ทุกคนได้ลองมากินไอติมที่นี่ด้วยเหมือนกันค่ะ เพราะว่ารสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนที่นี่อยู่แล้ว ไอศกรีมเด่นไทยรสชาตินี้จึงหาได้แค่นี้ที่นครศรีธรรมราชเท่านั้นค่ะ”

หากใครได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนนครศรีธรรมราช ย่านท่าวัง-ท่ามอญก็เป็นอีกย่านที่น่าเดินเล่นสบายๆ เดินตระเวนกินได้แบบไม่เมื่อยน่องแน่นอน เพราะลายแทง 4 ร้านเด็ดที่เราให้ไว้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของร้านรวงในย่านเก่าของเมืองนครฯ เท่านั้น หากใครได้มีโอกาสไปตามรอยหรือได้ค้นพบร้านหรอยๆ ร้านใหม่ ฝากแวะมาสะกิดรีวิวให้ Rhythm ได้รู้จักกันได้

เพราะเราเองก็หลงรักอาหารนครศรีธรรมราชจนอยากกลับไปกินอีกครั้งเช่นกัน

Contributors

Contributors

เด็กมนุษย์ฯ ผู้ชื่นชอบการออกไปเดินเที่ยวคนเดียว เอนจอยกับการเต้นและการกิน ปัจจุบันกำลังพยายามใช้ชีวิตแบบ Slow Life อยู่

นักเล่าเรื่องที่ใช้ตัวอักษรเป็นเครื่องมือและศรัทธาในพลังของงานเขียน ผู้ชอบตัวเองตอนนั่งสัมภาษณ์ผู้คนที่สุด