แม้จะเข้าปีใหม่กันแล้ว แต่บรรดาคอหนังที่ติดตามภาพยนตร์มาตลอดจะเข้าใจดีว่า สำหรับวงการภาพยนตร์ ปีใหม่ก็คือการเริ่มต้นเช็คลิสต์หนังฟอร์มใหญ่หรือหนังที่เราเฝ้าตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่มันจะเข้าฉายในปีนี้ให้เราดูต่างหาก ซึ่งแน่นอนว่าปีนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพราะมันมีภาพยนตร์หลายเรื่องที่น่าสนใจและมีจุดเด่นพอที่ผู้เขียนอดไม่ได้ที่อยากจะรวบรวมเป็นลิสต์เอาไว้ให้ตามดูกันก่อน 

            ต้องบอกก่อนว่านี่คือลิสต์ที่ทางผู้เขียนคัดเลือกด้วยความเห็นและความสนใจส่วนตัว ไม่ได้หมายความว่าภาพยนตร์เรื่องที่ไม่อยู่ในลิสต์นี้ไม่น่าสนใจ หากมีภาพยนตร์เรื่องใดตกหล่นไป ก็แนะนำเพิ่มเติมกันมาได้เลย

M3gan
ผู้กำกับ: เจอราร์ด จอห์นสโตน
เข้าฉาย 12 มกราคม 2023

            สร้างความฮือฮาตั้งแต่ตัวอย่างแรกปล่อยออกมา กับภาพยนตร์สยองขวัญไซไฟไอเดียใหม่ ที่ได้ตัวผู้กำกับเจ้าพ่อหนังสยองขวัญบ้านผีสิงในยุคนี้อย่าง เจมส์ วาน มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ให้ แถมยังอยู่ใต้ชายคาสตูดิโอบลัมเฮาส์ สตูดิโอผู้ช่ำชองการสร้างหนังสยองขวัญแห่งยุค 

            หนังเล่าเรื่องราวของ เจมม่า ผู้สร้างหุ่นยนต์ตุ๊กตาที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีเป้าหมายเพื่อมาเป็นเพื่อนของบรรดาเด็กผู้หญิง โดยเธอตัดสินใจเอารุ่นทดลองระบบมาเพื่อเป็นเพื่อนและดูแลหลานสาวของเธอ ซึ่งนั่นคือความผิดพลาดที่จะทำให้เกิดเรื่องราวสยองขวัญขึ้น เพราะความฉลาดเกินไปของหุ่นยนต์ตุ๊กตาที่ชื่อว่า เมแกน

            แม้เรื่องราวของหนังจะคล้ายกับหนังสยองขวัญในตำนานอย่าง Child’s Play (1988) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชัคกี้ ตุ๊กตาผีไล่ฆ่าคน ต่างก็แค่เรื่องนี้คือตุ๊กตาปัญญาประดิษฐ์ แต่หากดูจากตัวอย่างแล้ว จะพบว่าหนังเรื่องนี้ดูมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น อย่างที่เราได้เห็นฉากตุ๊กตาเมแกนออกท่าทางเต้นตามจังหวะเพลงก่อนที่จะไล่ฆ่า สื่อความตลกร้ายและสิ่งที่คาดเดาพฤติกรรมของมันไม่ได้ 

            นอกจากนั้นตัวหนังยังได้คะแนนจากเว็บไซต์มะเขือเน่าฝั่งนักวิจารณ์สูงถึง 95 % นั่นเป็นการบ่งบอกว่าหนังสยองขวัญเรื่องนี้มีดีพอที่จะอยู่ในลิสต์นี้

The Fabelmans 
ผู้กำกับ: สตีเวน สปีลเบิร์ก
เข้าฉาย 2 กุมภาพันธ์ 2023

            ชีวิตของผู้กำกับเจ้าของฉายา ‘พ่อมดฮอลลีวูด’ อย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก อาจจะเคยถูกเขียนหรือถูกเล่าขานมาแล้วในสื่อต่าง ๆ มันไม่ยากสำหรับคนที่ชื่อชอบสปีลเบิร์กและอยากรู้ประวัติชีวิตของเขาที่จะค้นหาและศึกษา

            แต่หากว่าสปีลเบิร์กทำหนังเรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงจากชีวิตของเขาเองโดยตรงเลยล่ะ มันจะน่าสนใจขนาดไหน

            ซึ่งหนังเรื่องนี้คือหนังเรื่องที่ว่านั่นเอง

            หนังเล่าเรื่องที่สดุดีชีวิตการทำหนังของสปีลเบิร์กในวัยแรกเริ่มของเขา โดยดัดแปลงให้มันเป็นเรื่องราวชีวิตของชายหนุ่มคนหนึ่งที่หลงใหลในศาสตร์ศิลปะผ่านแผ่นฟิล์ม กับความฝันวัยเด็กที่แน่วแน่ ผ่านการผลักดันของที่ดีของครอบครัว จนได้กลายเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค 

            บรรดาแฟนหนังสปีลเบิร์ก จะรู้กันดีว่าตัวเขาเป็นผู้กำกับที่ไม่ค่อยจะเขียนบทหนังด้วยตัวเองสักเท่าไหร่ กับหนังใหญ่ของตัวเองก่อนหน้านี้ เขาลงมือเขียนบทเองเพียงสองเรื่องเท่านั้น คือ Close Encounters of the Third Kind (1977) และ A.I. Artificial Intelligence (2001) แต่กับหนังเรื่องนี้เขาลงมือเขียนบทด้วยตัวเอง ทำให้เชื่อได้เลยว่านี่คือหนังที่เป็นส่วนตัวจริง ๆ อีกเรื่องของสปีลเบิร์กแน่นอน 

            ตัวหนังเปิดตัวครั้งแรกในงานเทศกาลหนังที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา ทันทีที่หนังจบ มันได้รับการยืนปรบมืออย่างกึกก้องนานถึง 15 นาที พร้อมกับเสียงวิจารณ์ในแง่บวก ซึ่งเว็บไซต์มะเขือเน่าฝั่งนักวิจารณ์ได้ให้คะแนนเฉลี่ยหนังเรื่องนี้สูงถึง 91 % ซึ่งสามารถคาดการณ์ได้เลยว่าหนังจะมีบทบาทสำคัญบนเวทีออสการ์ปีนี้แน่นอน 

Knock at the Cabin 
ผู้กำกับ: เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน
เข้าฉาย 2 กุมภาพันธ์ 2023

            เรียกได้ว่าเป็นแมวเก้าชีวิตจริง ๆ สำหรับผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าเคยอยู่จุดสูงสุดมาแล้วตั้งแต่หนังเรื่องแรก แต่แล้วก็ตกลงมาสู่จุดต่ำสุดในเวลาต่อมาอย่างพี่ มาโนช ชยามาลาน 

            ในยุคหนึ่ง เขาเป็นเจ้าพ่อหนังหักมุมด้วยผลงานดราม่าสยองขวัญในตำนานอย่าง The Sixth Sense (1999) จนเข้าช่วงขาลงเป็นผู้กำกับหนังที่ทุกคนส่ายหน้าหนีทั้งคนดูและนักวิจารณ์ด้วยผลงานอย่าง The Last Airbender (2010) และ After Earth (2013) จนช่วงหลัง ๆ พอจะกลับมาเชิดหน้าชูตาได้หน่อย เมื่องานช่วงหลังที่แม้จะเทียบกับงานช่วงรุ่งโรจน์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แย่เกินไปและมีหลายอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งแม้ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพี่มาโนชคือผู้กำกับที่มักจะมีไอเดียที่น่าสนใจและชวนให้อยากดูเสมอ (แต่จะเล่าออกมาได้ดีมั้ยก็อีกเรื่อง) 

            กับงานล่าสุด คือการหยิบนิยายขายดีอย่าง The Cabin at the End of the World ของ พอล เทรมเบลย์ มาดัดแปลง ซึ่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเกย์สองคนและลูกบุญธรรมที่ไปพักร้อนกันในกระท่อมแห่งหนึ่ง พวกเขาถูกคนสี่คนบุกรุกและจับตัวไว้ พร้อมกับบอกว่าพวกเขามองเห็นวันสิ้นโลกและมาเพื่อหยุดมัน และหนทางที่จะหยุดวันสิ้นโลก ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่ต้องเลือกของครอบครัวนี้ เลือกจะปกป้องครอบครัว หรือเลือกที่จะปกป้องโลก

            อย่างที่บอก หนังของพี่มาโนชไอเดียตั้งตนมักเป็นอะไรที่น่าสนใจเสมอ เหลือแค่ว่าเขาทำเล่ามันออกมาได้ดีแค่ไหนเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็น่าติดตามไม่น้อยว่าเรื่องนี้จะเป็นงานคืนฟอร์มของเขาหรือไม่?

Ant-Man and the Wasp: Quantumania 
ผู้กำกับ: เพย์ตัน รีด
เข้าฉาย 15 กุมภาพันธ์ 2023

            ปีที่ผ่านมา ดูจะไม่ค่อยเป็นปีที่สดใสสำหรับสตูดิโอขวัญใจมหาชนอย่างมาร์เวล สตูดิโอส์ สักเท่าไหร่ เนื่องจากผลงานที่ออกมาดูจะไม่ค่อยถูกใจนักวิจารณ์และคนดูเท่าที่ควร นอกจากนั้นแฟนหนังบางคน (รวมถึงผู้เขียน) เริ่มจะออกอาการเบื่อกับความซ้ำซากรูปแบบเดิม ๆ ของมาร์เวลแล้ว อาจจะด้วยเหตุผลว่าหลังจากจบสงครามกับ ธานอส ใน Avengers: Endgame (2019) มาร์เวลจำเป็นต้องยกเครื่องใหม่ ทั้งปูเรื่องราวและตัวละครใหม่ แต่ก็ดันทำได้ไม่ค่อยดีเนื่องจากเนื้อเรื่องในหนังที่ปล่อยออกมาในปีก่อนค่อนข้างสเปะสะปะไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งปิดเฟส 4 ได้ค่อนข้างจืดชืด (เพราะเส้นเรื่องหลักแทบไม่เดินไปไหนเลย)

            แต่กับปีนี้ ความหวังใหม่ดูจะส่องประกายมากขึ้น เมื่อมาร์เวลจะเริ่มเฟส 5 ด้วยหนังมนุษย์มดเรื่องนี้ ซึ่งดูจากชื่อเรื่องจะเห็นเลยว่ามันกำลังจะเข้าเรื่องเข้าราวเสียที เพราะหนังจะเริ่มเล่าถึงความเชื่อมโยงในมิติมัลติเวิร์สที่ลงลึกมากขึ้น และแน่นอนว่ามันจะเข้าเรื่องและเปิดตัววายร้ายหลักคนใหม่ของจักรวาลอย่าง แคง สักที หลังจากปรากฏตัวให้เห็นมาแล้วในช่วงท้ายของซีรีส์ Loki 

            ทั้งหมดนี้จึงทำให้พอจะวางใจได้ว่า เรื่องราวในจักรวาลมาร์เวลน่าจะเดินหน้าและได้เห็นอะไรมากขึ้นจากหนังมนุษย์มดเรื่องนี้ ซึ่งหนังเรื่องต่อไปจะรับหน้าที่สานต่อได้อย่างคึกคักเหมือนเดิม และมันคงไม่จืดชืดและซ้ำซากแบบเฟสก่อนหน้านี้

John Wick: Chapter 4 
ผู้กำกับ: แชด สตาเฮลสกี
เข้าฉาย 23 มีนาคม 2023

            และแล้ว หนังแอ็คชั่นนักฆ่าที่ในคราวแรก มันไม่ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นหนังแฟรนไชน์ที่มีภาคต่อ แต่กลับทำรายได้มหาศาลเกินคาด ก็ดำเนินมาถึงบทที่ 4 อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ใครเล่าจะปฏิเสธ ว่านี่ก็ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นทั่วไปที่ขายแค่ฉากยิงกันสุดมันส์ หากแต่หนังยังมีเรื่องราวและฉากหลังในโลกของนักฆ่าที่ใหญ่โต มีองค์กรสภานักฆ่า มีกฏระเบียบ มีระบบการดำเนินงานต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจสุด ๆ จนนำพามันมาถึงจุดนี้ได้ 

            หลังจากที่ จอห์น วิค รอดชีวิตจากการถูกตามฆ่าล้างบางโดยสภานักฆ่าในภาคที่แล้ว (ด้วยสภาพเจียนอยู่เจียนตายไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว) มาภาคนี้ก็ถึงเวลาเอาคืนให้สาสม ซึ่งคราวนี้เขาต้องต่อสู้กับ มาร์ควิส เดอ กรามองต์ หัวหน้าคนใหม่ของสภาสูงองค์กรนักฆ่า และต้องปะทะฝีมือกับนักฆ่าฝีมือฉกาจอย่าง เคน ที่รับบทโดยนักบู๊ขวัญใจชาวเอเชียอย่าง ดอนนี เยน ซึ่งรับประกันว่าความดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้ภาคก่อน ๆ แน่นอน 

            แต่ในพาร์ทของเนื้อเรื่อง ก็คงต้องแอบหวังเหมือนกันว่าทีมผู้สร้างควรจะเริ่มขมวดจุดจบของเรื่องราวตัวละครจอห์น วิค ได้แล้ว ก่อนที่เรื่องราวจะออกทะเลไปไกลกว่านี้ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสร้างกันอีกกี่ภาค

Guardians of the Galaxy Vol. 3 
ผู้กำกับ: เจมส์ กันน์ 
เข้าฉาย 3 พฤษภาคม 2023

            ถือเป็นการวางหมากที่ฉลาดพอตัว เมื่อเปิดด้วยหนังมนุษย์มดที่เราอาจพอจะรู้ว่าเรื่องราวในจักรวาลมากขึ้น และต่อด้วยเรื่องราวของแก๊งพิทักษ์กาแล็กซีที่แฟน ๆ รอคอย 

            การผจญภัยดำเนินต่อไป แก๊งการ์เดี้ยนยังคงเดินทางและปกป้องกาแล็กซี โดย ปีเตอร์ ควิลล์ กำลังจะได้พบกับ กาโมร่า อีกครั้ง นอกจากนั้นยังต้องเผชิญหน้า อดัม วอร์ล็อค ตัวละครใหม่ที่จะอวดโฉมแบบเต็ม ๆ ในครั้งนี้ 

            งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา นี่คือภารกิจส่งท้ายของแก๊งเกรียนพิทักษ์กาแล็กซี ที่เป็นเรื่องที่น่าจะได้รับการคาดหวังสูงที่สุดจากแฟนมาร์เวล จากความสำเร็จทั้งในแง่ของรายได้และเสียงวิจารณ์ของหนังสองภาคก่อนหน้าที่ดีสุด ๆ แถมยังเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของผู้กำกับ เจมส์ กันน์ ก่อนจะต้องย้ายค่ายไปรับหน้าที่ควบคุมและดูภาพรวมจักรวาลให้ค่ายคู่แข่งอย่าง ดีซี อย่างเต็มตัว 

            ซึ่งทันทีที่ตัวอย่างแรกปล่อยออกมา ก็ได้กลิ่นความดราม่าเคล้าน้ำตา ที่จะนำไปสู่บทสรุปอย่างชัดเจน นอกจากนั้นผู้กำกับก็ออกมาคอนเฟิร์มอีกเสียง ว่าเขาต้องจะนำเรื่องราวไปสู่บทสรุปให้สวยงาม มันต้องเป็นเรื่องราวที่เศร้าโศก ขมขื่นปนหวานซึ้ง เพื่อการจบที่สวยงามที่สุด 

            เอาเป็นว่า แฟน ๆ แก๊งเกรียนพิทักษ์กาแล็กซี อย่าลืมพกกระดาษทิชชู่เข้าโรงไปด้วย เพราะการสูญเสียตัวละครสำคัญ น่าจะเกิดขึ้นแน่นอนในหนังเรื่องนี้

Fast X
ผู้กำกับ: หลุยส์ เลอเตร์ริเยร์
เข้าฉาย 18 พฤษภาคม 2023

            นับเป็นหนังแฟรนไชน์ที่มีเรื่องราวอัพเดตที่ทั้งตื่นตาและดราม่าตั้งแต่เริ่มถ่ายทำกันเลยทีเดียว กับหนังภาคที่ 10 ของแฟรนไชส์รถซิ่งยอดมนุษย์หลังพวงมาลัย ที่เริ่มจากหนังเด็กแว้นปล้นรถบรรทุกในภาคแรก จนไปอวกาศกันแล้วในภาคก่อนหน้านี้ ซึ่งข่าวรายงานว่า Fast X จะเป็นหนังครึ่งแรกของตอนจบเรื่องราวครอบครัวโทเร็ตโต้ นั่นหมายความว่ายังมีอีกหนึ่งภาคที่จะทำให้เรื่องจบสมบูรณ์ (รึเปล่า?) 

            ตอนนี้ยังไม่ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวว่าภาคนี้จะเล่าเรื่องอะไร แต่เรื่องราวหลังกล้องดันมีดราม่าที่น่าติดตามมากกว่า เพราะทันทีที่หนังเปิดกล้อง จัสติน ลิน ผู้กำกับหนังภาคนี้ที่ก่อนหน้านี้เคยกำกับแฟรนไชส์นี้มาแล้วถึง 5 ภาค กลับประกาศลาออกจากหน้าที่ผู้กำกับ ด้วยเหตุผลตามข่าวที่รายงานว่าทนกับความไม่เป็นมืออาชีพของนักแสดงหลักอย่าง วิน ดีเซล ไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งที่เริ่มถ่ายทำไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ จนสตูดิโอต้องหาผู้กำกับคนใหม่ ส้มจึงไปหล่นที่ หลุยส์ เลอแตร์ริเยร์ ผู้กำกับหนังแอ็คชั่นชาวฝรั่งเศสที่เคยมีผลงานอย่าง The Incredible Hulk (2008) และ Now You See Me (2013) 

            นอกจากนั้นยังมีประกาศรายชื่อนักแสดงเบอร์ใหญ่ที่เข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่อง ทั้ง เจสัน โมมัวร์ และ บรี ลาร์สัน จนมีสื่อต่างประเทศรายงานว่าตอนนี้ทุนสร้าง Fast X กำลังจะแตะตัวเลขที่ 340 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าไปแล้ว 

            แม้หลายคนจะส่ายหัวปนเอื่อมระอากับความเวอร์เกินเหตุและผลของแฟรนไชน์นี้กันไปแล้ว แต่ไหน ๆ ก็เป็นตอนท้าย ๆ ของแฟรนไชน์นี้ อย่างน้อยเราก็น่าจะคาดหวังความบันเทิงได้อยู่บ้าง และมารอดูว่าเรื่องราวครอบครัวโทเร็ตโต้ จะจบลงอย่างไรกัน

Indiana Jones and the Dial of Destiny 
ผู้กำกับ: เจมส์ แมนโกลด์
เข้าฉาย 28 มิถุนายน 2023

            นับเป็นเวลากว่า 42 ปีแล้ว ที่โลกได้รู้จักตัวละครไอคอนคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์ กับการผจญภัยที่แสนสนุกของนักโบราณคดีที่ชื่อว่า อินเดียน่า โจนส์ 

            ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยจากมันสมองของ จอร์จ ลูคัส และสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่องนี้ สร้างตำนานและฐานแฟนคลับจากรุ่นสู่รุ่น มันคือการผสมผสานเรื่องราวแสนสนุกที่มีทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ ตำนานเล่าขาน และความแฟนตาซีเหนือจินตนาการ ผ่านแคแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์ของดอกเตอร์โจนส์ที่ฉลาดเฉลียว เก่งกาจและมีอารมณ์ขัน นอกจากนั้นมันทำให้นักแสดงอย่าง แฮร์ริสัน ฟอร์ด เป็นซูเปอร์สตาร์ทันที หลังจากแจ้งเกิดกับบท ฮาน โซโล ใน Star Wars (1977) 

            แม้ในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องอย่างเป็นทางการของหนังภาคนี้ แต่หลายคนก็ตีความจากตัวอย่างแรกออกมาว่าอาจจะมีการย้อนเวลาเกิดขึ้นก็เป็นได้ เพราะในตัวอย่างเราจะเห็นการใช้เทคโนโลยีด้านภาพในการลดอายุของแฮร์ริสัน ฟอร์ด 

            โดยก่อนหน้านี้เราได้ยินข่าวว่าภาคต่อหนังอินเดียน่า โจนส์ ว่าสปีลเบิร์กน่าจะกลับมากำกับอีกครั้ง แต่สุดท้ายผู้ที่รับหน้าที่นี้กลายเป็น เจมส์ แมนโกลด์ ผู้กำกับฝีมือดีจาก Logan (2017) และ Ford v Ferrari (2019) ที่จะมาปิดฉากการผจญภัยอันยาวนานของอินดี้แทน ซึ่งคอนเฟิร์มแล้วว่านี่จะเป็นหนังอินดี้เรื่องสุดท้ายของแฮร์ริสัน ฟอร์ด ในวัย 80 ปี 

Mission: Impossible – Dead Reckoning Part 1 
ผู้กำกับ: คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี
เข้าฉาย 13 กรกฏาคม 2023

            หลังจากประกาศศักดาตัวเองเป็นนักแสดงระดับท็อปเกินมนุษย์ไปแล้วในหนังที่ทำรายได้มหาศาลแถมกวาดคำชมมากมายในปีผ่านมาอย่าง Top Gun: Maverick (2022) นักแสดงผู้ไม่กลัวตายอย่าง ทอม ครูช ก็ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ รอนาน เพราะหนังสายลับภาคต่อที่นับวันยิ่งสนุกและดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแฟรนไชน์ Mission Impossible ก็เตรียมเข้าฉายในปีนี้แล้วเช่นกัน 

            สำหรับงานภาคต่อเรื่องราวภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ของ อีธาน ฮันต์ คราวนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 พาร์ท โดยพาร์ทแรกจะเข้าฉายกลางปีนี้ ส่วนพาร์ทจบจะเข้าฉายช่วงเดือนมิถุนายนปี 2024 ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องของภาคล่าสุดออกมา แต่เท่าที่สังเกตได้จากตัวอย่างแรกของหนัง จะเห็นได้ว่ามีการคารวะฉากแอ็คชั่นจากภาคก่อน ๆ พอสมควร ไม่ว่าจะฉากต่อสู้บนรถไฟความเร็วสูงและฉากต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชน์นี้

            นอกจากนั้น เรายังเห็นการปรากฏตัวของ เฮนรี เซอร์นี นักแสดงที่เคยรับบท ยูจีน คิตทริดจ์ ผู้อำนวยการหน่วย IMF คู่ปรับฮีธาน ฮันต์จากหนังภาคแรก ทำให้ประโยคที่ คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี ผู้กำกับหนัง โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า ‘ไม่มีทางที่จะหนีอดีตพ้น’ ก็คงเป็นประเด็นสำคัญของหนังภาคนี้ ที่เรื่องราวใน ‘อดีต’ บางอย่างได้กลับมาเล่นงานอีธานและพวกพ้อง

Oppenheimer
ผู้กำกับ: คริสโตเฟอร์ โนแลน
เข้าฉาย 20 กรกฏาคม 2023

            ถือว่าเสียชื่อไปพอสมควร สำหรับสุดยอดผู้กำกับแห่งยุคอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ผลงานล่าสุดอย่าง Tenet (2020) กลายเป็นหนังของโนแลนที่ไม่ได้เสียงตอบรับดีอย่างที่เคยจากทั้งคนดูและวิจารณ์ จากปัญหาที่ด้วยเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนและเข้าใจยากเกินไป ทั้งการเล่าเรื่องที่หนักมือและไม่แคร์คนดูเท่าไหร่นัก ทำให้โนแลนต้องกลับมาแก้ตัวด้วยผลงานใหม่ ที่คราวนี้ ดูจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกับความสลับซับซ้อนของเงื่อนไขเวลาอีกแล้ว แต่เป็นหนังดราม่าที่เล่าเรื่องของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันที่เป็นผู้คิดค้นระเบิดปรมาณู 

            แน่นอนว่ากับเรื่องราวอื่น ๆ เราแทบจะไม่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะหน้าตาอย่างไร ตามสไตล์ของผู้กำกับที่เก็บความลับงานของตัวเองได้เก่งกาจอย่างที่เคยเป็น จนกระทั่งเราได้เห็นตัวอย่างหนังออกมา เราถึงได้รู้ว่าแม้จะเป็นหนังชีวประวัติบุคคลจริง แต่มันคงไม่ได้น่าเบื่อเป็นแน่ เพราะเรื่องราวของออพเพนไฮเมอร์มีแคเรกเตอร์ความลึกลับในตัวเอง และความย้อนแย้งในสิ่งที่ทำ กล่าวคือ การสร้างอาวุธที่ทำลายโลก โดยมีเหตุผลเพื่อรักษาโลกเอาไว้ 

            หนังอุดมไปด้วยนักแสดงฝีมือดีมากมาย ทั้ง คิลเลียน เมอร์ฟีย์, โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, เอมิลี บรันต์, ฟลอเรนต์ พิวต์ และ เรมี มาเลค 

Dune: Part Two
ผู้กำกับ: เดนิส วิลเนิฟ
เข้าฉาย 2 พฤศจิกายน 2023

            ถึงภาคแรกจะไม่ได้ทำรายได้ถล่มทลายจนเป็นกระแสในช่วงที่ออกฉาย แต่คุณภาพของหนังนั้นเป็นที่ชื่นชอบอย่างยิ่งของบรรดานักวิจารณ์และแฟนนิยาย เนื่องจากว่านี่คือหนึ่งในนิยายไซไฟในตำนานของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต ที่ได้ชื่อว่ายากเย็นอย่างยิ่งในการสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ให้ออกมาดี ด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยการเมืองแฝงกับปรัชญา และโลกอนาคตอันน่าทึ่งที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ยากเกินกว่าที่จะทำออกมาเป็นภาพได้ตรงกับที่นิยายบรรดาเอาไว้ แต่ผู้กำกับ เดนิส วิลเนิฟ และทีมงานสามารถทำได้ 

            กลายเป็นว่า ตัวหนังสามารถเล่าเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมและทรงพลังในทุก ๆ ฉาก ความซับซ้อนของโลกในเรื่องราวก็เล่าออกมาให้สามารถเข้าใจได้ง่ายกว่าที่คิด เหนือสิ่งอื่นใดมันทำหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อหาการเมือง การหักหลัง และฉากอันยิ่งใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ จนพูดได้เต็มปากว่า Dune เป็นหนังมหากาพย์ทั้งเรื่องราวและงานสร้างที่ยิ่งใหญ่ 

            หนังภาคนี้จะเล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรก หลังจากที่ พอล อะเทรดีส รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่ครอบครัวถูกหักหลังและยึดอำนาจการปกครองดาวอาร์ราคิสโดยตระกูลฮาร์คอนแนน พอลก็หลบไปอยู่กับชนเผ่าทะเลทรายเร่ร่อนอย่างชาวเฟรเมน เพื่อฝึกฝนฝีมือและร่วมมือกับชนเผ่าในการแก้แค้นให้กับตระกูลอะเทรดีสและจัดการตระกูลฮาร์คอนแนนและผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนโค่นล้มตระกูลเขาทั้งหมด

            รอชมความบทสรุปความยิ่งใหญ่ของเรื่องราวนี้ และหากภาคนี้ยังสามารถทำรายได้ในระดับที่น่าพอใจ เราก็อาจได้เห็นเรื่องราวของตระกูลอะเทรดีสต่อไป เพราะตัวนิยายนั้นมีถึง 6 เล่มเลยทีเดียว ซึ่งหนังทั้งสองภาคที่เราเห็น มันคือเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกเล่มเดียวเท่านั้นเองนะ! 

Image: Gizmodo Australia

Wish
ผู้กำกับ: คริส บัค และ ฝน วีระสุนทร (ประสานสุข วีระสุนทร)
เข้าฉาย 23 พฤศจิกายน 2023

            นับเป็นโปรเจกต์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสุดยิ่งใหญ่อีกเรื่อง เพราะมันถูกวางให้เป็นหนังที่จะทำหน้าที่ฉลองครบรอบ 100 ปีของสตูดิโอ Walt Disney ที่ก่อตั้งในปี 1923 

            ที่คราวนี้หนังยังใช้เทคนิคที่น่าสนใจด้วยการใช้ภาพสามมิติแบบกึ่งภาพวาดแนวสีพู่กัน ที่จะสร้างความสวยงามในแบบฉบับคล้ายภาพวาดที่สวยงามแต่ไม่ล้าสมัย โดยหนังจะเล่าเรื่องการผจญภัยของเจ้าหญิงอะชา (Asha) และเจ้าแพะวาเลนติโน ที่ต้องเดินทางไปที่อาณาจักรโรสาส (Rosas) ดินแดนแห่งคำปรารถนา เพื่อเหตุผลบางอย่าง 

            ความพิเศษอย่างยิ่ง (สำหรับคนไทย) ก็คือนี่คือหนังแอนิเมชั่นของดิสนีย์เรื่องแรกที่มีผู้กำกับเป็นคนไทย คือ ฝน วีระสุนทร ที่ได้โอกาสกำกับหนังใหญ่เรื่องแรก หลังจากที่เคยเป็นทีมงานวาดสตอรี่บอร์ดให้ภาพยนตร์เรื่อง Frozen (2013), Zootopia (2016), มาแล้ว ก่อนจะเลื่อนขั้นมาเป็น Head of Story หัวหน้าฝ่ายที่ดูแลเนื้อเรื่องให้กับ Raya and the Last Dragon (2021) จนในที่สุดก็ได้รับหน้าที่กำกับร่วมกับ คริส บัค ผู้กำกับมือดีของค่ายที่เคยกำกับงานอย่าง Frozen มาแล้ว 

            น่าสนใจอย่างยิ่งที่มันจะเป็นอีกครั้ง ที่เราก็จะได้เห็นฝีมือคนไทยบนเวทีโลก โดยเฉพาะผลงานภายใต้ค่ายสตูดิโอยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างสตูดิโอดิสนีย์ 

Aquaman and the Lost Kingdom
ผู้กำกับ: เจมส์ วาน
เข้าฉาย 21 ธันวาคม 2023 

            ท่ามกลางความไม่แน่นอนของจักรวาลดีซี ที่ในตอนนี้ สตูดิโอวอร์เนอร์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าเจมส์ กันน์ จะกลายเป็นผู้ที่มาดูภาพรวมของจักรวาล และมีอำนาจในการวางทิศทางของจักรวาลใหม่ทั้งหมด ทำให้ที่ช่วงผ่านมา เราได้เห็นข่าวที่ยืนยันแล้วว่า เฮนรี คาวิลล์ จะไม่กลับมารับบทซูเปอร์แมนแล้ว งานภาคต่อหนังที่เคยอยู่ในแผนการ ก็กลายเป็นโปรเจกต์ลูกผีลูกคนที่ต้องรอคอนเฟิร์ม มีเพียงภาคต่อ Joker และ The Batman เท่านั้นที่ยังได้ไฟเขียว

            เรื่องราวของฮีโร่เจ้าสมุทรอย่าง อควาแมน ยังเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่สร้างไปก่อนแล้ว (รวมถึง Shazam! Fury of the Gods ที่เข้าฉายกลางปีนี้) ทำให้เรายังได้ดูบทต่อไปของเจ้าสมุทรคนนี้ 

            เจมส์ วาน ผู้กำกับจากภาคแรกที่ยังคงกลับมารับหน้าที่เดิมในภาคนี้ ยังไม่ยอมเปิดเผยเรื่องราวในภาคใหม่ว่าจะเล่าเรื่องอะไรต่อ แต่เขาได้เปิดเผยสั้น ๆ เพียงว่า ในภาคใหม่นี้จะมีเนื้อหาและโทนหนังที่จริงจังมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงจะเปิดเผยโลกใต้สมุทรที่ลึกลับและสวยงามมากกว่าเดิมอีกด้วย 

            เดิมที เราจะได้ดูภาคต่อเจ้าสมุทรตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ท้ายสุดก็เลื่อนไปเดือนมีนาคมปี 2023 แต่แล้วก็เลื่อนอีกครั้งไปช่วงคริสต์มาสในปีเดียวกัน โดยวานได้เปิดเผยในอินสตราแกรมของตนเองว่าเขาถือเรื่องโชคลางนิดหน่อย เพราะเขาชอบที่หนังจะเข้าฉายช่วงเดือนธันวาคมเหมือนกับภาคแรก 

            ซึ่งนี่อาจจะเป็นหนังดีซีเรื่องสุดท้ายที่เป็นโทนดีซีแบบเดิม อย่างน้อยก็เป็นเรื่องสุดท้ายที่ของแผนงานเดิม หลังจากนี้เจมส์ กันน์จะปรับเปลี่ยนโทนหนังและวางแผนจักรวาลดีซีให้เป็นแบบไหน เราไม่มีทางรู้ได้เลย 

            เอาเป็นว่าหนังเจ้าสมุทรเรื่องนี้ อาจเป็นการส่งท้ายอะไรบางอย่างที่หลงเหลืออยู่ในจักรวาลดีซีแบบเก่า ก็เป็นได้

Contributors

ชายบ้าภาพยนตร์ บ้าแมนยู บ้าการเมือง ที่ชอบอ่าน ชอบเขียน และคิดเสมอว่าบทความดีๆ สามารถสร้างแรงบันดาลใจหรือจุดความคิดบางอย่างได้เสมอ แต่เป็นมนุษย์ติดกาแฟ คิดวนไปวนมา ตอนนี้กำลังฝึกตัวเองให้เป็นมนุษย์ที่สามารถมองเห็นความสุขง่ายๆ ของชีวิต